โฆษณา

จำนวนผู้เข้าชม

วิเคราะห์ เจาะลึก มุมมองการเมือง พบกับนายหัวไทรนักข่าวหัวเห็ด จาก ปลายด้ามขวานชายแดนใต้

วันพฤหัสบดีที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2560

มทภ4 -ผบช.ศชต.- รอง ผวจ.ยะลา ร่วมแถลงข่าวความคืบหน้าคดีสำคัญในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้


มทภ4 -ผบช.ศชต.รอง ผวจ.ยะลา  ร่วมแถลงข่าวความคืบหน้าคดีสำคัญในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้


เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2560 เวลา 09.40 น. ที่ห้องแถลงข่าว ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษา ความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า  ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี  พลโทปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมด้วย  พลตำรวจโท รณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บัญชาการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ นายราชิต สุดพุ่ม รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ได้ร่วมแถลงข่าวความคืบหน้าคดีสำคัญในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้  จำนวน 3 คดี แก่สื่อมวลชน

พลตำรวจโท รณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บัญชาการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า  กรณีเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจขณะเข้าแถวเคารพธงชาติบริเวณหน้าสถานีตำรวจภูธรอำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส  เหตุเกิดหน้าสถานีตำรวจภูธรระแงะ  ตำบลตันหยงมัส  อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2560 เวลาประมาณ 08.35 น. ทำให้ตำรวจเสียชีวิต 1 นายบาดเจ็บ 4 นาย 

โดยคนร้ายได้ปล้นรถกระบะที่ใช้เป็นยานพาหนะในการก่อเหตุมาจาก นายลีเป็ง มะแอ เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2560 เวลาประมาณ 5 จุดที่บ้านลูโบ๊ะลาเซ๊าะ ตำบลร่มไทร อำเภอสุคิรินจังหวัดนราธิวาส หลังจากคนร้ายก่อเหตุได้นำรถยนต์จอดทิ้งไว้ที่บ้านลูโบ๊ะดีแย หมู่ 6 ตำบลตันหยงลิมออำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส จากการตรวจที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนขนาดจุด .223 จำนวน 78 ปลอก ผลการตรวจสอบกระสุนพบว่าใช้ยิงมาจากอาวุธปืนเอ็ม 16 จำนวน 3 กระบอก ซึ่งมีประวัติใช้ก่อเหตุมาแล้ว 7 คดี 
 จากการตรวจสอบภายในรถยนต์คันที่ใช้ก่อเหตุ ผลการตรวจสอบพบพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เชื่อมโยงกับ นายอับดุลเลาะ ดอเล๊าะ และนายอับดุลฮาดี อาบูดาโอ๊ะ และจากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดพบว่านายอัมรัน สะมะแอ เป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ทำหน้าที่ดูต้นทางจึงได้ทำการควบคุมตัวนายอัมรันฯ เข้าสู่กระบวนการซักถาม และได้ให้การถึงผู้ร่วมก่อเหตุคดีนี้ พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานจากการตรวจสถานที่เกิดเหตุผล ตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ภาพจากกล้องวงจรปิด 

และผลจากการซักถามผู้ถูกควบคุมตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน สามารถออกหมายจับ  ป.วิอาญา 14 หมาย จับกุมแล้ว 10 หมาย หลบหนี 4 หมาย ซึ่งคดีนี้ได้สอบสวนเสร็จสิ้นส่งพนักงานอัยการแล้ว ในส่วนของสถานที่สถานีตำรวจภูธรระแงะ ขณะนี้ได้สร้างหอสูงเพื่อสังเกตการณ์ และติดตั้ง    ตาข่ายป้องกันลูกระเบิดไว้แล้ว

ส่วนเหตุคนร้ายโจมตีจุดตรวจร่วม 3 ฝ่าย อำเภอกรงปินัง เหตุเกิดพื้นที่หมู่ 7 อำเภอกรงปินัง        จังหวัดยะลา เมื่อ 3 เมษายน 2560เวลาประมาณ 01.15 น.ตามวันเวลาที่เกิดเหตุ ได้มีกลุ่มผู้ก่อความ       ไม่สงบ ไม่ต่ำกว่า 50 นาย แบ่งหน้าที่กันทำ โดยส่วนหนึ่งได้บุกโจมตีจุดตรวจสามฝ่ายกรงปินัง ตั้งอยู่หมู่ 7 ตำบลกรงปินัง อำเภอกรงปินัง จังหวัดยะลา ซึ่งเป็นอาคารชั้นเดียวด้วยการใช้อาวุธปืนสงครามยิง  ปาวัตถุระเบิด และใช้น้ำมันเบนซินบรรจุขวดติดไฟปาเข้าไปภายในจุดตรวจดังกล่าว

 จึงเกิดเพลิงไหม้เผาจุดตรวจดังกล่าว เป็นเหตุทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจบาดเจ็บ และบาดเจ็บสาหัสรวม 12 นาย และอีกส่วนหนึ่งได้ทำการระเบิดเสาไฟฟ้าจนหักโค่น ตัดต้นไม้ วางตะปูเรือใบ วางระเบิดบรรจุถังแก๊สหุงต้มขวางถนนสาย 410 ยะลาเบตง จำนวน 2 จุด และถนนสาย 3015 ตำบลกรงปินัง อำเภอกรงปินัง จังหวัดยะลา             จำนวน 2 จุด
 นอกจากนี้ยังใช้อาวุธปืนสงครามยิงเข้าไปในฐานหน่วยปฏิบัติการพิเศษกรงปินัง ตั้งอยู่หมู่ 8               ตำบลกรงปินังอำเภอกรงปินัง จังหวัดยะลา และฐานปฏิบัติการทหารพราน 3303 บ้านรานอ                    ตำบลตาเนาะปูเต๊ะ อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา รวมทั้งสิ้นจุด  
ซึ่งความคืบหน้าทางคดีเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2560 เจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหารร่วมกันพิสูจน์ทราบเป้าหมายต้องสงสัยมีส่วนร่วมก่อเหตุจำนวน 14 เป้าหมาย ควบคุมบุคคลต้องสงสัยตามกฎอัยการศึกจำนวน 13 คน ต่อมาเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2560 รวมกันพิสูจน์ทราบเป้าหมายเพิ่มเติมจำนวน 11 เป้าหมาย ควบคุมตัว 9 คน ออกหมายพ.ร.ก. 23 คน จับกุม12 คนอยู่ระหว่างควบคุมตามพ.ร.ก. ฉุกเฉิน 2 คน หลบหนี 11 คน พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐาน และได้ขอศาลจังหวัดยะลาออกหมายจับ ป.วิอาญา 25 หมาย จับกุมแล้ว 9 ราย ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างติดตามจับกุม 
และจากผลการซักถามผู้ถูกควบคุมตัวทราบว่า คนร้ายที่เข้าโจมตีจุดตรวจกรงปีนัง และเกิดการปะทะกับฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย และได้หลบหนีไปรักษาตัวที่ประเทศมาเลเซีย ส่วนบริเวณสถานที่จุดตรวจร่วม 3 ฝ่ายกรงปินัง ขณะนี้อยู่ระหว่างทำการปรับปรุง โดยได้รับการสนับสนุน ตู้อุปกรณ์จากแม่ทัพภาคที่ 4” พลตำรวจโท รณศิลป์ กล่าว
ผู้บัญชาการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้  ยังกล่าวอีกว่า  ส่วนเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหารร้อย ร. 1534 หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 25   เหตุเกิดบริเวณถนนลูกรังกลางทุ่งนา สายบ้านบือแนยามู – บ้านพรุชะเมา หมู่ 5 ตำบลน้ำดำ  อำเภอทุ่งยางแดง จังหวัดปัตตานี เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2560 เวลาประมาณ 11.45 น. เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิตจำนวน 6 นาย และได้รับบาดเจ็บจำนวน 4 นาย
 จากการตรวจที่เกิดเหตุพบว่าคนร้ายใช้ระเบิดบรรจุถังแก๊สน้ำหนักประมาณ 80 ถึง 90 กิโลกรัม โดยใช้การจุดระเบิดด้วยวิทยุสื่อสาร และลากสายไฟ โดยมีสะเก็ดระเบิดเป็นเหล็กเส้นตัดท่อน และพบไฟฉายคาดศรีษะสีเขียว         ของคนร้ายอยู่บริเวณใกล้ที่เกิดเหตุจึงได้ส่งตรวจผลการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ ที่ไฟฉายดังกล่าวตรงกับ           ดีเอ็นเอ ของนายมาหะมะ สะอิ (โดยตรวจความสัมพันธ์ในรูปแบบบิดามารดา) และมีข้อมูลตรงกับฐานข้อมูลในเหตุการณ์อื่นอีก 4 เหตุการณ์ คือ เหตุพบรถจักรยานยนต์ต้องสงสัยบริเวณป่าพรุ หมู่ 3 ตำบลน้ำดำ อำเภอทุ่งยางแดง จังหวัดปัตตานี เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2560 ส่งตรวจสอบโดยสถานีตำรวจภูธรทุ่งยางแดง 
ซึ่งรถคันดังกล่าวถูกคนร้ายชิงทรัพย์จากอำเภอหนองจิกเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2560  เหตุเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนบริเวณป่าละเมาะหมู่ 2 ตำบลตาแกะ อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานีพบชายวัยรุ่นสองคนนอนอยู่บริเวณโคนต้นไม้ จึงได้ปลุกและใช้โทรศัพท์ถ่ายรูปไว้ เมื่อบุคคลทั้ง 2 ตื่น       จึงได้วิ่งหลบหนี และใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2560 
  เหตุตรวจยึดรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 100 สีแดงดำ ป้ายทะเบียน ข 2140 พร้อมของกลางหลายรายการ บริเวณขนำภายในทุ่งนา หมู่ 2 ตำบลถนน อำเภอมายอ จังหวัดปัตตานี     เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2559 เวลาประมาณ 16.00 น.   และเหตุพบศพนายอับดุลการีม มะลา อายุ 22 ปีเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2557 เวลา 07.00 น.   ที่บริเวณถนนสายกะดุนง –กะพ้อ บ้านโต๊ะบาลา หมู่ 5 ตำบลกะดุนง อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี

คดีนี้ได้ควบคุมผู้ต้องสงสัยตาม พ.ร.ก. 2 คน ยอมรับมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในคดีนี้          และเหตุการณ์ก่อความไม่สงบอีกจำนวนหลายเหตุการณ์ พนักงานสอบสวนได้ออกหมายจับป.วิอาญา         1 หมาย คือนายมาหามะ สะอิ อยู่ระหว่างหลบหนี ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง   
         
    จัดชุดปฏิบัติการออกติดตาม จับกุมผู้ต้องหาในคดีนี้อย่างต่อเนื่องแล้ว ทางกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้บูรณาการกำลังทหารตำรวจ และฝ่ายปกครองเร่งรัดตามจับกุมคดี       ที่เกิดขึ้นทุกคดีอย่างต่อเนื่อง เพื่อพิสูจน์ทราบผู้ร่วมกระทำความผิด สาเหตุของการก่อเหตุ และสามารถตอบสังคมได้ว่าคดีไหนเป็นคดีความมั่นคง หรือเกิดจากสาเหตุอื่น นอกจากนี้ได้จัดกำลังเฝ้าระวังป้องกันเหตุอย่างเต็มที่ ขอให้พี่น้องประชาชนมีความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวันพลตำรวจโท รณศิลป์ กล่าว 
ขอบคุณมูกะตา/หะไร ยะลา/


0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น