โฆษณา

จำนวนผู้เข้าชม

วิเคราะห์ เจาะลึก มุมมองการเมือง พบกับนายหัวไทรนักข่าวหัวเห็ด จาก ปลายด้ามขวานชายแดนใต้

วันเสาร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ชี้แจงความคืบหน้าคดีให้ที่พักพิงผู้ก่อเหตุรุนแรง

กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ชี้แจงความคืบหน้าคดีให้ที่พักพิงผู้ก่อเหตุรุนแรง             
           เมื่อ 8 กรกฎาคม 2560 เวลา 13.30 นาฬิกา พันเอก ปราโมทย์  พรหมอินทร์  โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า จากกรณีเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ 3 ฝ่าย ได้สนธิกำลัง        เข้าติดตามจับกุม นายลุกมาน  มะดิง ผู้ต้องหาตามหมายจับ ป.วิอาญา จำนวน 5 หมาย ณ บ้านเลขที่ 57     หมู่ที่ 6 ตำบลบือมัง อำเภอรามัน จังหวัดยะลา

         เป็นเหตุให้นายลุกมาน  มะดิง เสียชีวิต โดยเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัว        2 สามีภรรยา ซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน คือ นายสือดี  มาหะมะ และนางสีตีพาตีเมาะ  เซ็งกะจรี มาทำการซักถาม   เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย เหตุเกิดเมื่อ 30 มิถุนายน 2560 ในการนี้ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ขอชี้แจงความคืบหน้าให้ทราบ ดังนี้

           1. ผลจากการซักถาม นายสือดี  มาหะมะ ในขั้นต้นให้การยอมรับว่าเป็นแนวร่วม มีหน้าที่จัดเก็บเงินรายเดือน จากสมาชิกแนวร่วมในพื้นที่และให้ที่พักพิงแก่ผู้ก่อเหตุรุนแรง โดยเฉพาะนายลุกมาน มะดิง ได้เคยมาพักพิงที่บ้านแล้ว 2 ครั้ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ทำการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานส่งฟ้องคดีตามกฎหมาย  โดยล่าสุดเมื่อ 7 พฤษภาคม 2560 ศาลจังหวัดยะลา ได้มีคำสั่งพิพากษาตัดสินลงโทษให้จำคุกนายสือดี  มาหะมะ และนางสีตีพาตีเมาะ  เซ็งกะจรี ซึ่งได้ให้การรับสารภาพว่าได้ให้ที่พักพิงแก่นายลุกมาน  มะดิง ที่เสียชีวิต     จากการปะทะจริง จึงให้ลดโทษเหลือจำคุกคนละ 3 เดือน และปรับคนละ 10,000 บาท โดยโทษจำคุกให้รอ   ลงอาญา 2 ปี ตามคดีดำที่ 1980/2560 และคดีแดงที่ 1972/2560 ลง 7 กรกฎาคม 2560

           2. จากการตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่หลายครั้งที่ผ่านมา พบว่าผู้ก่อเหตุรุนแรงมักจะเข้ามาอาศัยพักพิงและหลบซ่อนเพื่อเตรียมก่อเหตุความรุนแรงที่บ้านญาติ แนวร่วมและผู้ให้การสนับสนุน ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ซึ่งนอกจากจะได้รับโทษในฐานให้ที่พักพิงซึ่งได้กำหนดอัตราโทษสูงสุดให้จำคุกไม่เกิน   2 ปี และปรับไม่เกิน 40,000 บาท แล้ว อาจได้รับโทษฐานเข้าไปมีส่วนร่วมหรือสนับสนุนการกระทำความผิด   ซึ่งมีอัตราโทษที่สูงขึ้นอีกด้วย จึงถือเป็นบทเรียนที่สำคัญที่พี่น้องประชาชนต้องให้ความสำคัญและตระหนักถึงผลกระทบจากการให้ความช่วยเหลือหลบซ่อนพักพิงและให้การสนับสนุนกับผู้ก่อเหตุรุนแรง ดังตัวอย่าง   คำพิพากษาที่ปรากฏแล้ว ดังนั้นหากพบบุคคลแปลกหน้าหรือบุคคลต้องสงสัยเข้ามาในเขตที่พักของตน จะต้องรีบแจ้งให้ผู้นำท้องที่หรือเจ้าหน้าที่รัฐได้รับทราบเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

           3. สำหรับผลคืบหน้าการตรวจพิสูจน์อาวุธปืนและปลอกกระสุนที่พบในที่เกิดเหตุ พบว่าเคยก่อเหตุมาแล้ว 5 เหตุการณ์ ตั้งแต่ปี 2555 2559 เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่รัฐและพี่น้องประชาชนได้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย ทรัพย์สินของทางราชการและพี่น้องประชาชนได้รับความเสียหายอีกจำนวนหนึ่ง โดยเหตุการณ์      ที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ได้พยายามบังคับใช้กฎหมายโดยใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก ภายใต้การมีส่วนร่วมของผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่นและเครือญาติ แต่นายลุกมาน  มะดิง ได้ต่อสู้ขัดขืนจนเกิดการปะทะและนำไปสู่ความสูญเสียดังกล่าว จึงขอให้พี่น้องประชาชนได้ใช้ดุลยพินิจในการบริโภคข้อมูลข่าวสาร เพื่อมิให้ตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มองค์กร แนวร่วม ที่ใช้การโฆษณาชวนเชื่อและบิดเบือนข้อเท็จจริง หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามเจ้าหน้าที่ผ่านสายด่วน โทร.1341 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
********************************
                          ขอรับรองว่าเป็นข่าวสารของทางราชการ

                                                                   พันเอก ปราโมทย์   พรหมอินทร์
                                                                            ( ปราโมทย์   พรหมอินทร์ )

                                                       โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า



   
 


0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น