วันที่ 28 มิ.ย.60 นายปรีชา รักจิตต์ กำนันตำบลเกาะกลาง อำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ พร้อมชาวบ้าน ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการจับกุมของเจ้าหน้าที่ จำนวน 21 ราย พื้นที่ 27 แปลง รวมตัวโดยตั้งเต้นท์ริมถนนสายทุ่งทะเล เรียกร้องขอความเป็นธรรม หลังจากถูกเจ้าหน้าที่จับกุมกล่าวหาบุกรุกพื้นที่ พื้นที่โครงการฟื้นฟูและอนุรักษ์ป่าทุ่งทะเล อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเกาะกลาง เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทุ่งทะเล ตำบลเกาะกลาง อำเภอเกาะลันตา เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่ตรวจยึดพื้นที่ รวมจำนวนกว่า 90 ไร่ ปลูกปาล์มน้ำมัน อายุประมาณ 2-3 ปี รวมจำนวน 78 ต้น
นายปรีชา รักจิตต์ กำนันตำบลเกาะกลาง อำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาชาวบ้านไม่ได้บุกรุกพื้นที่ ตามที่ เจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหาเนื่องจากพบว่าที่ผ่านมาชาวบ้านจำนวน 21 รายพื้นที่ 27 แปลง รวมพื้นที่กว่า 400 ไร่ ทำกิน ใช้ประโยชน์ในพื้นที่มาก่อน การประกาศเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทุ่งทะเล และพื้นที่โครงการฟื้นฟูและอนุรักษ์ป่าทุ่งทะเล อันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยได้มีการกันพื้นที่ออกและเมื่อปี 2537
สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม ได้ทำการรังวัดพื้นที่ เพื่อออกเอกสารครอบครองเป็น สปก 4-01 ให้ชาวบ้าน แต่ถูกยกเลิกไป จึงเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยว ระบุแนวเขต ให้ชัดเจน เนื่องจากได้มีการประกาศเขตห้ามล่าทับพื้นที่ทำกินของชาวบ้าน อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านไม่ได้มีการข่มขู่เอาชีวิตเจ้าหน้าตามที่เจ้าหน้าที่อ้าง
นายดิเรก ขาวแดง ชาวบ้านที่ถูกจับกุมตัว เปิดเผยว่า พื้นที่ดังกล่าว บรรพบุรุษทำกินมากว่า 50 ปี แล้ว ก่อนจะมีการประกาศเขตห้ามล่าสัตว์ป่าผ่านมากว่า 23 ปี ชาวบ้านได้ต่อสู้เรียกร้องสิทธิทำกิน แต่ไม่ได้รับการแก้ปัญหา เตรียมเข้าเดินทางร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกระบี่ ในวันพรุ่งนี้
ด้านนายสุวัฒน์ สุขศิริ หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทุ่งทะเล กล่าวว่า กรณีการนำมวลชนมาในลักษระดังกล่าวนั้น เป็นสิทธิที่สามารถทำได้ แต่ต้องดูสภาพพื้นที่ ที่ถูกบุกรุก เพราะเจ้าหน้าที่ไม่ได้กลั่นแกล้งทำไปตามกฎหมาย ป่าดังกล่าวเป็นป่าเสม็ดที่สมบูรณ์ มีภาพถ่ายดาวเทียมตั้งแต่ปี 2545-2550 ว่าเป็นป่าที่สมบูรณ์ และเพิ่งมาบุกรุกใหม่ นำปาล์มมาปลูก กานต้นเสม็ดให้ยืนต้นตาย
ในช่วงตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นมาเท่านั้น เมื่อเจ้าหน้าที่ยึดพื้นที่ แล้วจะมาบอกทำกินมาก่อน ก็ขอให้นำหลักฐานต่างๆ มาแสดง แต่หากไม่มีก็ต้องจับกุม เพราะหากปล่อยไปนานเข้า ป่าเสม็ด ซึ่งอยู่ในโครงการพระราชดำริก็จะหมดไป ทั้งนี้พื้นที่ดังกล่าวประกาศเป็นเขตป่าสงวนเมื่อปี 2511 ต่อมาปี 2542 ประกาศเป็นเขตห้ามล่า และโครงการอันเนื่องจากพระราชดำริ ชาวบ้านได้รับประโยชน์มากมาย แต่มีนักการเมืองท้องถิ่น บุกรุกป่า เมื่อถูกตรวจยึดพื้นที่กลับนำมวลชนมาแบบนี้ ต่อไปป่าก็คงหมด
ขอบคุณ ข้อมุลข่าว / ภาพ/กระบี่
ณัฏฐพงษ์ ศรีปล้อง 0908701669 รายงาน
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น