ถ้า “วิกฤตไฟใต้” สำคัญกว่านั่งหลังรถกระบะ! ทำไมไม่ใช้ ม.44 จัดการ “ลูกคู่บีอาร์เอ็น”



ถ้า วิกฤตไฟใต้สำคัญกว่านั่งหลังรถกระบะ! ทำไมไม่ใช้ ม.44 จัดการ ลูกคู่บีอาร์เอ็น” 
 เหตุการณ์ก่อความไม่สงบ หรือจะเรียกว่าการก่อการร้ายก็น่าจะได้ ซึ่งเกิดเมื่อค่ำคืนวันที่ 19 เม.ย.ที่ผ่านมา อันเป็นฝีมือของ โจรใต้ ด้วยการใช้ระเบิดแสวงเครื่องที่ประกอบขึ้นเอง ทั้งแบบ ไปป์บอมบ์ แบบที่บรรจุใน กระป๋อง และแบบอื่นๆ ซึ่งหาได้ในพื้นที่ โดยมีการก่อเหตุรวม จำนวน 21 จุด ใน 3 จังหวัด คือ จ.ปัตตานี จ.นราธิวาส และ จ.สงขลา
     
 
      
       ถือเป็นเหตุการณ์ที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่การยิงถล่มโรงพักระแงะ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส การถล่มจุดตรวจที่ อ.กรงปินัง จ.ยะลา การก่อวินาศกรรมเสาไฟฟ้าแรงสูงและระบบสายส่งของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จำนวน 51 ต้น ในพื้นที่ 4 จังหวัดที่รวมเอา จ.นราธิวาส เข้าไปด้วย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 6-7 เม.ย.ที่ผ่านมา และล่าสุดคือ เหตุการณ์การโจมตี 21 เป้าหมายเมื่อคืนวันที่ 19 เม.ย.นี้เอง
      
       สำหรับยุทธวิธีของโจรใต้เมื่อหัวค่ำของวันที่ 19 เม.ย.นั้นคือ การจุดพลุ หน่วยจรยุทธ์ ชุดเล็กๆ ขึ้นมา ซึ่งการประกอบกำลังไม่เกินชุดละ 6 คน ใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ ใช้ระเบิดแสวงเครื่องที่ผลิตเอง โดยมีเป้าหมายในการก่อการร้ายอยู่ที่ป้อมยาม โรงพัก จุดตรวจ ชุดคุ้มครองตำบล (ชคต.) บ้านพักข้าราชการ และที่สำคัญ บ้านเรือนชาวไทยพุทธ ในพื้นที่ 3 จังหวัด โดยที่ยกเว้น จ.ยะลา เท่านั้นไม่มีเหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้น
      
       การโจมตีในค่ำวันที่ 19 เม.ย.ที่ผ่านมา โจรใต้ต้องการสร้างความต่อเนื่องของการก่อการร้ายมากกว่าการก่อการร้ายเพื่อสร้างความเสียหายให้แก่เป้าหมายที่ถูกโจมตี จึงเป็นการโจมตีแบบ ฉาบฉวยตามแบบฉบับของ สงครามกองโจรเพื่อลดความสูญเสียของกองกำลัง ดังนั้น ความเสียหายจากการโจมตีในครั้งนี้จึงไม่รุนแรง มีเพียงเจ้าหน้าที่ และประชาชนได้รับบาดเจ็บเพียง 8 เป็นรายเท่านั้น
 
      
       แต่ในทางกลับกันกลุ่มโจรใต้กลับต้องสูญเสีย กองกำลังโจรไปถึง 2 ราย จากความผิดพลาดที่ทำระเบิดแสวงเครื่องบึ้มใส่ตัวเองในพื้นที่ ต.สะบ้าย้อย อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ในขณะที่กำลังจะนำระเบิดแสวงเครื่องลูกดังกล่าวไปขว้างใส่จุดตรวจชุดคุ้มครองตำบลที่ตั้งอยู่ห่างจากจุดที่เกิดระเบิดราว 200 เมตร ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็น กฎแห่งกรรมหรือเป็นความประสงค์ของพระเจ้า ตามกฎแห่งการทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
        
       มีข้อสังเกตที่ติดตามาจากการก่อเหตุร้ายของโจรใต้ครั้งนี้ อันดับแรกมีคำถามว่า ทำไมจึงยกเว้นพื้นที่ของ จ.ยะลา ทั้งที่ทุกครั้งถ้ามีการก่อเหตุแบบ รวมดาราพื้นที่ก่อเหตุจะเป็นต้องเน้นที่ จ.ปัตตานี จ.ยะลา และ จ.นราธิวาส
      
       ทั้งนี้ เหตุผลที่มีการยกเว้นพื้นที่ จ.ยะลา เชื่อกันว่ามีสาเหตุมาจากในพื้นที่ จ.ยะลา นั้น กองกำลังชุดใหม่ของ ขบวนการบีอาร์เอ็นที่จะเป็นกำลังสนับสนุนการก่อเหตุร้าย ซึ่งเพิ่งถูกจัดตั้งขึ้นมาใหม่ จึงยังไม่มีความพร้อม 100% เหมือนในพื้นที่ จ.ปัตตานี จ.นราธิวาส และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา ได้แก่ อ.เทพา อ.ทาทวี อ.จะนะ และ อ.สะบ้าย้อย
      
       เช่นเดียวกับกองกำลังสนับสนุนที่อยู่ในสายของผู้นำศาสนาใน จ.ยะลา เวลานี้ก็ยังขาดความเข้มแข็ง ไม่เหมือนกับในพื้นที่ จ.ปัตตานี และ จ.นราธิวาส
      
       และที่สำคัญในการวางแผนโจมตีแบบก่อกวนในคืนวันที่ 19 เม.ย.ที่ผ่านมานั้น บีอาร์เอ็นที่เป็นผู้สั่งการตัวจริงเสียงจริง ได้สั่งการให้กำลังของโจรใต้โจมตีพร้อมกับทั้ง 3 จังหวัด คือ จ.ปัตตานี จ.ยะลา จ.นราธิวาส กับ 4 อำเภอของ จ.สงขลา
      
       เพียงแต่มีการ ผิดแผน ที่กำหนดไว้ว่า ต้องลงมือพร้อมกันในเวลา 19.20 น. ของวันที่ 19 เม.ย. แต่โจรใต้ในพื้นที่ จ.นราธิวาส กลับชิงลงมือก่อนเวลา จึงทำให้กองกำลังของรัฐหน่วยต่างๆ ใน จ.ยะลา เกิดอาการ ตื่นตัวและมีการสั่งป้องกันเป้าหมาย ได้อย่างทันท่วงที
      
       ข้อสำคัญที่สุดคือ มีการประเมินว่าในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ทั้งหมด ณ วันนี้ ฉก.ยะลา มีความเข้มแข็งมากที่สุด ทั้งในยุทธการทั้ง รุกและรับที่ต้องจัดว่าอยู่ในระดับที่ไว้ใจได้เลยทีเดียว
      
       อันมีหลักฐานที่ สอดรับ และสร้างความ เชื่อถือได้ ในเรื่องนี้คือ มีการตรวจพบ ระเบิดแสวงเครื่องและตะปูเรือใบ ที่กลุ่มโจรใต้ทำตกไว้ในหลายพื้นที่ของ จ.ยะลา
        
       ดังนั้น หลังจากเหตุการณ์วันที่ 19 เม.ย.ที่ผ่านมา จึงเชื่อว่าพื้นที่ของ จ.ยะลา อาจจะเป็นพื้นที่ที่โจรใต้ต้องมีแผนในการ จัดหนักเพื่อการ แก้หน้าในความล้มเหลวที่เกิดขึ้น ซึ่ง ฉก.ยะลาและหน่วยรัฐอื่นๆ ในพื้นที่ต้องระวัง และป้องกันให้จงหนัก หรืออาจต้อง เปิดเกมรุกเพื่อทำลายแผนการของโจรใต้ให้ได้ก่อน
      
       มีข้อสังเกตอีกอย่างหนึ่งคือ โจรใต้มีเป้าหมายการก่อเหตุต่อเจ้าหน้าที่รัฐ และสิ่งสาธารณูปโภค-สาธารณูปการเป็นด้านหลัก และหลังการก่อเหตุก็พยายามที่จะโฆษณาชวนเชื่อว่า บีอาร์เอ็นเป็นขบวนการที่มี มนุษยธรรม ที่ไม่ทำร้าย เป้าหมายอ่อนแอ ที่เป็นพลเรือน
      
       อันสอดคล้องกับก่อนหน้านี้ที่บีอาร์เอ็นมีแถลงการณ์ว่า พร้อมที่จะเข้าสู่ โต๊ะเจรจา กับรัฐบาลไทย หากยอมรับใน เงื่อนไข 3 ข้อที่ฝ่ายบีอาร์เอ็นเป็นผู้กำหนด
      
       ซึ่งสังเกตให้ดีจะเห็นว่า ปฏิบัติการโจมตีของโจรใต้ และแถลงการณ์ของบีอาร์เอ็นที่ออกมาช่างสอดคล้องกับบางกลุ่มที่ทำตัวเป็น ลูกคู่ของบีอาร์เอ็นในพื้นที่ โดเยเฉพาะการออกมา ขานรับแถลงการณ์ของบีอาร์เอ็น และชื่นชมว่าบีอาร์เอ็นปฏิบัติการตามหลักมนุษยธรรม
      
       ในขณะเดียวกับที่บีอาร์เอ็นก็ออกมายอมรับเรื่องนี้จากแถลงการณ์ของ อับดุลการิมโฆษกบีอาร์เอ็นที่ว่า พวกเขาเป็นผู้ก่อเหตุโจมตีเจ้าหน้าที่รัฐ และก่อวินาศกรรมเสาไฟฟ้าสายส่งแรงสูงของ กฟผ.
      
       แต่ในเรื่องที่โจรใต้ เข่นฆ่า และทำลายทรัพย์สินประชาชน ในพื้นที่ตั้งแต่ปี 2547 จนถึงปัจจุบัน อันนับเนื่องเป็นเวลา 13 ปีมาแล้ว ซึ่งได้ทำให้มีคนตายมากกว่า 6,000 คน บาดเจ็บหลายหมื่นคน เกิดเด็กกำพร้า และหญิงหม้ายจำนวนมาก ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้เป็นเรื่องที่ ไร้มนุษยธรรม แต่ทำไมขบวนการบีอาร์เอ็นกลับไม่เคยกล่าวถึง
      
       ในขณะที่กลุ่มลูกคู่ในพื้นที่ก็ละเลยที่จะมองเห็นความผิดพลาดของบีอาร์เอ็น ซึ่งกระทำต่อประชาชนด้วยวิธีการโหดเหี้ยมทารุณ เช่น ฆ่าตัดคอ ฆ่าแล้วเผา แต่กลับเห็นด้วย และชื่นชมการย่างก้าวจาก เงามืดออกมาสู่โต๊ะการเจรจา
        
       นี่คือความผิดปกติที่เกิดขึ้น อยากให้สังคมจับตามอง และกล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์ในบทบาทของ ลูกคู่บีอาร์เอ็นกลุ่มนี้
      
       และจากข้อมูลข่าวสาร ซึ่งได้จากที่ประมวลได้ในพื้นที่ รวมถึงในประเทศเพื่อนบ้าน ถึงความเคลื่อนไหวของบีอาร์เอ็นนั้น เชื่อว่าบีอาร์เอ็นยังจะยังใช้ยุทธวิธี ก่อกวนความสงบสุข ด้วยการโจมตีเป้าหมายที่เป็นหน่วยงาน และเจ้าหน้าที่รัฐ รวมถึงสิ่งสาธารณูปโภค-สาธารณูปการอีกต่อไป รวมทั้งมีแผนในการ ก่อเหตุร้ายนอกพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อบีบให้รัฐบาล เดินตามเกม ที่บีอาร์เอ็นต้องการ
      
       โดยจะอาศัย กลุ่มคนและองค์กรทั้งในพื้นที่ หรือในประเทศที่บีอาร์เอ็นได้สร้างเป็นเครือข่ายเอาไว้เป็นเวลานานแล้ว เพื่อให้เป็น ลูกคู่ในการสนับสนุน และขับเคลื่อนข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อบีอาร์เอ็น
        
       ทั้งนี้ ก็เพื่อ โน้มน้าวมวลชนในพื้นที่ให้เห็นด้วยกับ การพูดคุยตามเงื่อนไขที่บีอาร์เอ็นต้องการ โดยจะมาแทนที่ กลุ่มมาราปาตานีซึ่งกำลังถูกบีอาร์เอ็นทำให้สังคมเห็นว่า ไม่ใช่ตัวจริงเสียงจริงของขบวนการแบ่งแยกดินแดนในภาคใต้ของไทย
      
       เกี่ยวกับเรื่องนี้มีหลักฐานที่ชัดเจนคือ หลังจากที่บีอาร์เอ็นได้ร่อนสารเรียกร้องในเรื่องการเจรจาตามเงื่อนไขที่ฝ่ายตนเสนอแล้ว เหล่า ลูกคู่ในชื่อองค์กรต่างๆ ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็มีการจัดเวทีที่ สอดรับต่อแถลงการณ์ของบีอาร์เอ็นในลักษณะที่ เห็นด้วยและ ชื่นชมการกระทำของโจรใต้
        
       อันถือว่าเป็นไปในลักษณะที่หมิ่นเหม่ต่อกฎหมายความมั่นคง แถมน่าจะเข้าข่ายเป็น ขบถต่อชาติเอาเสียด้วย
      
       เราเชื่อด้วยสุจริตใจว่า เรื่องเหล่านี้บรรดาแม่ทัพ นายกอง รวมถึงเสนาธิการในพื้นที่ต้องรู้เต็มอกถึงทุกก้าวย่างของบีอาร์เอ็น แต่อยากจะบอกว่าการรับรู้ และเข้าใจอย่างเดียวไม่พอ สิ่งที่ต้องทำคือการ แก้เกม ด้วยการ ทำลายแผน ของบีอาร์เอ็นด้วย โดยเฉพาะกับกลุ่มก้อนของบรรดา ลูกคู่ ที่วันนี้ขับเคลื่อนแผนการที่เข้าข่ายการทำผิดกฎหมายความมั่นคง และเข้าข่ายการทำร้ายประเทศชาติ
      
       แล้ว ณ วันนี้หน่วยงานรัฐต่างๆ ที่เกี่ยวข้องได้มีการทำอะไรไปบ้างแล้วหรือยัง โดยเฉพาะกับการแสดงบทบาทที่ในการที่จะ หยุดหรือสกัดกั้นเหล่าบรรดาลูกคู่บีอาร์เอ็น ที่กำลังกระทำในลักษณะการแบ่งแยกดินแดน
      
       ไม่เพียงเท่านั้น เวลานี้หลายคนในฐานะ ลูกคู่บีอาร์เอ็น กลับยังได้รับการ เลี้ยงดู เป็นอย่างดีจากหน่วยงานของรัฐอีกต่างหาก
        
       ถึงเวลาหรือยังที่บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์อชาจะต้องใช้ ม.44 แก้ไขวิกฤตการณ์เพื่อ ดับไฟใต้โดยเฉพาะการจัดการกับบรรดา ลูกคู่บีอาร์เอ็นที่วันนี้เปรียบได้กับ หอกข้างแคร่ที่ถูกนำมาทิ่มแทง ทำร้าย ทำลายชาติไทย และคนไทยอย่างที่เป็นอยู่
        
        ไชยยงค์ มณีพิลึก






ใหม่กว่า เก่ากว่า

Popular Items