โฆษณา

จำนวนผู้เข้าชม

วิเคราะห์ เจาะลึก มุมมองการเมือง พบกับนายหัวไทรนักข่าวหัวเห็ด จาก ปลายด้ามขวานชายแดนใต้

วันพฤหัสบดีที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

ต้องจับให้ได้ !! แม่ทัพภาคที่ 4 เอาจริง เร่งติดตามคนร้ายยิงอดีตอุสตาซ (มีคลิป)


ต้องจับให้ได้ !! แม่ทัพภาคที่ 4 เอาจริง เร่งติดตามคนร้ายยิงอดีตอุสตาซ (มีคลิป)


 ปทิตตา หนดกระโทก ผู้สื่อข่าว นราธิวาสรายงาน Tel.0824154474 





วันนี้ (1 พฤษภาคม 2568) เวลา 10.00 น. พลโท ไพศาล  หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 พร้อมด้วยคณะที่ปรึกษา ลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุการณ์ลอบยิง นายอับดุลรอนิง  ลาเต๊ะ อายุ 60 ปี อดีตอุสตาซประจำชุมชน เสียชีวิต เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2568 ขณะขับขี่รถจักรยานยนต์กลับจากละหมาด ที่บริเวณโกดังของห้างหุ้นส่วนจำกัดฟาร์มิลล์ติ รับเบอร์ ในเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส 


ทั้งนี้ จากเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น แม่ทัพภาคที่ 4 มีความมุ่งมั่นและประกาศอย่างชัดเจนว่า "จะต้องนำตัวคนร้ายมาลงโทษตามกฎหมายให้ได้!" พร้อมสั่งการเร่งรัดหาตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรมโดยเร็วที่สุด รวมทั้งได้ประชุมเน้นย้ำเจ้าหน้าที่ปรับแผนและยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ มาตรการควบคุมพื้นที่ตามแนวชายแดน 


เพื่ออุดช่องว่างในการก่อเหตุ ลดความเสี่ยงต่อชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน ตลอดจนสร้างความเข้าใจระหว่างพี่น้องไทยพุทธ-ไทยมุสลิม ไม่ให้เกิดความเกลียดชังและเคลือบแคลงใจ รวมถึงเพิ่มมาตรการเฝ้าระวังให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นมากยิ่งขึ้น โดยทุกมาตรการของเจ้าหน้าที่จะดำเนินการภายใต้กรอบกฎหมาย และคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน และใช้แนวทางการบูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วนในพื้นที่ ทั้งฝ่ายปกครอง ผู้นำชุมชน ผู้นำศาสนา และภาคประชาสังคม เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาความรุนแรงในทุกมิติ



นอกจากนี้ พลโท ไพศาล  หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ยังกำชับทุกหน่วยงานขับเคลื่อนงานเชิงรุกเต็มกำลัง ทั้งด้านข่าวกรอง ความร่วมมือกับผู้นำศาสนา และการสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน เป้าหมายชัด – คืนความสงบสุขให้ชายแดนใต้แบบยั่งยืน การลงพื้นที่ครั้งนี้คือการตอกย้ำจุดยืนของรัฐ พร้อมเดินหน้าอย่างไม่ถอย เพื่อความมั่นคงและสันติสุขของพี่น้องประชาชน

สว.สายสีน้ำเงินเริ่มหวั่นไหว บางคนถูกเรียกเป็นผู้ถูกกล่าวหา บางคนกลับใจขอเป็นพยานให้ดีเอสไอ สว.คะแนนเป็นศูนย์เริ่มถูกเรียกสอบแล้ว

 สว.สายสีน้ำเงินเริ่มหวั่นไหว บางคนถูกเรียกเป็นผู้ถูกกล่าวหา บางคนกลับใจขอเป็นพยานให้ดีเอสไอ สว.คะแนนเป็นศูนย์เริ่มถูกเรียกสอบแล้ว



รายงานข่าวจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ.) แจ้งว่า หลังจากดีเอสไอ.รับคดีฟอกเงิน อั้งยี้ฮั้วการเลือก สว.ไว้เป็นคดีพิเศษแล้ว ดีเอสไอ.ก็ทำงานร่วมกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และอัยการมาโดยตลอด มีการแยกกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องเป็นสามกลุ่ม 1.กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับขบวนการจัดฮั้วในระดับนำ ซึ่งมีบุคคลระดับรัฐมนตรีเกี่ยวข้อง 3 คน และระดับนำสูงสุดอีก 1 คน และมีแกนนำระดับโซนอีกหลายคน กลุ่มที่สอง คือกลุ่มที่คณะกรรมการสอบสวนจะเรียกมาสอบสวนในฐานะผู้ถูกกล่าวหา กลุ่มที่สาม บุคคลที่จะเรียกมาเป็นพยาน รวมถึงอดีตผู้สมัครที่มีคะแนนเป็นศูนย์ด้วย

รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ที่ผ่านมาคณะกรรมการสอบสวนทั้ง 3 ฝ่าย ได้ทยอยเรียกพยาน และบุคคลที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำอย่างต่อเนื่อง และข้อมูลที่ได้มาเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินคดีเป็นอย่างยิ่ง รู้ถึงวิธีการจัดการทั้งหมด และคณะกรรมการสอบสวนกำลังลงลึกในรายละเอียดถึงเส้นเงินที่โยงใยกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง

รายงานข่าวจากดีเอสไอ.แจ้งว่า จริงๆแล้วเรื่องฮั้วเลือก สว.ดีเอสไอ.ซุ่มทำข้อมูลมานานแล้ว การเรียกพยานมาให้เพียงคำเป็นเพียงการยืนยันข้อมูลข้อเท็จจริงเท่านั้น

กล่าวสำหรับนครศรีฯ คณะกรรมการสอบสวนพุ่งเป้าพิเศษไปยังอำเภอชะอวด เนื่องจากมีตัวเลขผู้สมัครรับการเลือกเป็นสว.มากเป็นพิเศษเกือบ 300 คน และอำเภอเดียวมี สว.ถึงสองคน

มีรายงานจากดีเอสไอ.ว่า มีสว.สายสีน้ำเงิน ท่านหนึ่ง ติดต่อไปยังดีเอสไอ เพื่อขอให้ปากคำเป็นพยาน แต่ดีเอสไอยังไม่รับปาก เพราะเป็น สว.ที่อยู่ในข่ายเรียกมาสอบเป็นผู้ถูกกล่าวหาอยู่แล้ว

วันที่ 7 พฤษภาคม คณะกรรมการสอบสวนจะเรียกพยานจากนครศรีฯมาสอบอีก 2 คน ซึ่งอาจจะรวมถึงอดีตผู้สมัคร สว.ที่มีคะแนนเป็นศูนย์ด้วย เพราะให้น่าสงสัยว่าทำไมไม่ลงคะแนนให้ตัวเอง ซึ่งดีเอสไอมีข้อมูลว่า กลุ่มขบวนการฮั้วแจ้งว่า ไม่ต้องเลือกตัวเอง จะมีผู้สมัครจากกลุ่มอื่นมาลงคะแนนให้ แต่ผู้สมัครที่มีคะแนนเป็นศูนย์ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมาย จึงไม่มีชื่ออยู่ในโพย จึงไม่มีใครเลือก


รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ผลการสอบปากคำพยานที่ผ่านมาเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีมาก นอกจากโยงใยไปถึงรัฐมนตรีบางคนแล้ว ยังมีนักการเมืองท้องถิ่นร่วมในขบวนการจัดฮั้วด้วย ซึ่งนักการเมืองท้องถิ่นจะเป็นคนจัดการในระดับจังหวัด ซึ่งคณะกรรมการสอบสวนจะสาวไปถึงหมดทุกคน

มีข้อมูลที่น่าวิตกกังวล คือข้อมูลการให้ปากคำของพยานบางคน หลุดไปถึงมือของฝ่ายจัดฮั้ว ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องหลุดไปจากใครคนใดคนหนึ่งในคณะกรรมการสอบสวน ซึ่งถือเป็นอันตรายต่อพยาน เมื่อเป็นอย่างนี้ก็ต้องเปลี่ยนตัวคณะกรรมการสอบสวนบางคนที่ทำตัวเป็นไส้ศึก ที่วงใน กกต.ก็สงสัยในพฤติกรรมอยู่บ้างแล้ว ที่สำคัญในสถานการณ์นี้ดีเอสไอก็ควรจะให้การคุ้มครองพยานด้วย ไม่ใช่ปล่อยให้พยานเก็บตัวเครียดอยู่คนเดียว

 #นายหัวไทร

 #สอบฮั้วสว

 #ทำเฒ่าเรื่องเพื่อน

วันพุธที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2568

ปลายด้ามขวานชายแดนใต้๏ ขอน้อมถวายมุทิตาสักการะ ในโอกาสที่พระเดชพระคุณ พระราชวัชรญาณโมลี(ชรัช อุชุจาโร) เจ้าอาวาส วัดตานีนรสโมสร พระอารามหลวง จังหวัดปัตตานีในโอกาสได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง รองเจ้าคณะภาค ๑๘

 ปลายด้ามขวานชายแดนใต้๏ ขอน้อมถวายมุทิตาสักการะ  ในโอกาสที่พระเดชพระคุณ พระราชวัชรญาณโมลี(ชรัช อุชุจาโร) เจ้าอาวาส วัดตานีนรสโมสร พระอารามหลวง จังหวัดปัตตานีในโอกาสได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง รองเจ้าคณะภาค ๑๘ 


ในโอกาสที่พระเดชพระคุณ พระราชวัชรญาณโมลี(ชรัช อุชุจาโร) เจ้าอาวาส วัดตานีนรสโมสร พระอารามหลวง จังหวัดปัตตานีในโอกาสได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง รองเจ้าคณะภาค ๑๘ 

  ประพันธ์  ฤทธิวงศ์  บก.เว็ปไซต์ปลายด้ามขวานชายแดนใต้ 

  1เม.ย.2568

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ประชุมมหาเถรสมาคม ครั้งที่ ๑๑/๒๕๖๘ มีมติเห็นชอบการเสนอแต่งตั้งพระสังฆาธิการ ให้ดำรงตำแหน่งรองเจ้าคณะภาค คณะสงฆ์มหานิกาย ดังนี้

 สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ   ประชุมมหาเถรสมาคม ครั้งที่ ๑๑/๒๕๖๘ มีมติเห็นชอบการเสนอแต่งตั้งพระสังฆาธิการ ให้ดำรงตำแหน่งรองเจ้าคณะภาค คณะสงฆ์มหานิกาย ดังนี้






                                                                                    




เมื่อวันที่ ๓๐ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ รองศาสตราจารย์ ชัชพล ไชยพร ผู้เชี่ยวชาญด้านวิชาการพระพุทธศาสนา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เปิดเผยว่า ที่ประชุมมหาเถรสมาคม ครั้งที่ ๑๑/๒๕๖๘ มีมติเห็นชอบการเสนอแต่งตั้งพระสังฆาธิการ ให้ดำรงตำแหน่งรองเจ้าคณะภาค คณะสงฆ์มหานิกาย ดังนี้

#เขตปกครองคณะสงฆ์หนกลาง 

* พระราชวชิรรังษี (ขวัญชัย นิติสาโร) วัดหนัง เป็น รองเจ้าคณะภาค ๑

* พระเทพวชิรธีราภรณ์ (ประดิษฐ์ ฐิตเมโธ) วัดพระพุทธฉาย จังหวัดสระบุรี เป็น รองเจ้าคณะภาค ๒ 

* พระราชปริยัติสุธี (ชลอ ปิยาจาโร) วัดธรรรมามูล จังหวัดชัยนาท เป็น รองเจ้าคณะภาค ๓ 

* พระราชปัญญาโสภณ (พิชิตชัย อภิชโย) วัดบพิตรพิมุข เป็น รองเจ้าคณะภาค ๑๓ 

* พระราชวชิรโมลี (สมชาย พุทฺธญาโณ) วัดระฆังโฆสิตาราม เป็น รองเจ้าคณะภาค ๑๔ 

* พระเทพปวรเมธี (ประสิทธิ์ พฺรหฺมรํสี) วัดประยุรวงศาวาส เป็น รองเจ้าคณะภาค ๑๕

#เขตปกครองคณะสงฆ์หนเหนือ 

* พระธรรมวชิรโมลี (ทองสูรย์ สุริยโชโต) วัดยานนาวา เป็น รองเจ้าคณะภาค ๔ 

* พระพรหมวัชรธีราจารย์ (สมจินต์ สมฺมาปญฺโญ) วัดปากน้ำ เป็น รองเจ้าคณะภาค ๕ 

* พระอุดมบัณฑิต (สมศักดิ์ สุทฺธิญาณเมธี) วัดเบญจมพิตรดุสิตวนาราม เป็น รองเจ้าคณะภาค ๖ 

* พระธรรมวชิรปัญญาจารย์ (เทียบ สิริญาโณ) วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เป็น รองเจ้าคณะภาค ๗

#เขตปกครองคณะสงฆ์หนตะวันออก 

* พระเทพวัชรธรรมภาณี (วิชา อภิปญฺโญ)​ วัดไตรมิตรวิทยาราม เป็น รองเจ้าคณะภาค ๘ 

* พระราชวชิรเมธี (กวิพัฒน์ สุขเมธี)​ วัดไตรมิตรวิทยาราม เป็น รองเจ้าคณะภาค ๙ 

* พระเทพวชิราภรณ์ (โสรัจจ์ มหาโสรจฺโจ)​ วัดสวนพลู เป็น รองเจ้าคณะภาค ๑๐ 

* พระธรรมวชิรคณี (แผ่ว ปรกฺกโม)​ วัดเทพธิดาราม เป็น รองเจ้าคณะภาค ๑๑ 

* พระราชวชิรสารเวที (สนอง อนุภทฺโท)​ วัดบางนาใน เป็น รองเจ้าคณะภาค ๑๒ 

#เขตปกครองคณะสงฆ์หนใต้ 

* พระศรีวัชรนาถมุนี (บุญช่วย ปคุโณ) วัดโคกกะฐิน จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็น รองเจ้าคณะภาค ๑๖ 

* พระเทพวชิรากร (พิศาล บุรินฺทโก) วัดมหาธาตุวชิรมงคล จังหวัดกระบี่ เป็น รองเจ้าคณะภาค ๑๗ 

* พระราชวัชรญาณโมลี (ชรัช อุชุจาโร) วัดตานีนรสโมสร จังหวัดปัตตานี เป็น รองเจ้าคณะภาค ๑๘


ประพันธ์  ฤทธิวงศ์ บก.เว็ปไซต์สื่อออนไลน์ ปลายด้ามขวาน@ชายแดนใต้/รายงาน




วันอังคารที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2568

"สรรเพชญ" จับมือ"สุพิศ" วางแผนพัฒนาสงขลาทุกมิติ ยกระดับเศรษฐกิจ-คุณภาพชีวิตประชาชน

 "สรรเพชญ" จับมือ"สุพิศ" วางแผนพัฒนาสงขลาทุกมิติ ยกระดับเศรษฐกิจ-คุณภาพชีวิตประชาชน


วันนี้ (29 เมษายน 2568) ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา นายสรรเพชญ บุญญามณี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสงขลา เขต 1 เข้าพบนายสุพิศ พิทักษ์ธรรม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา เพื่อหารือแนวทางความร่วมมือในการขับเคลื่อนการพัฒนาจังหวัดสงขลาในทุกมิติ ทั้งด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยว เศรษฐกิจ และการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอเมืองสงขลา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่นายสรรเพชญได้รับผิดชอบดูแลในฐานะผู้แทนราษฎร

นายสรรเพชญ บุญญามณี กล่าวว่า การหารือในครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการประสานพลังระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารท้องถิ่น เพื่อผลักดันนโยบายและโครงการต่าง ๆ ที่จะตอบสนองความต้องการของประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ได้มีการพูดคุยถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การฟื้นฟูและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและธรรมชาติ การสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชน รวมถึงการพัฒนาโอกาสทางการศึกษา การออกกำลังกายและสาธารณสุข เพื่อให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน


"ผมเชื่อว่าหากเราร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด จะสามารถยกระดับสงขลาให้ก้าวไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็ว ทั้งในเรื่องเศรษฐกิจ ปากท้อง การท่องเที่ยว และความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ซึ่งจะเป็นการสร้างอนาคตที่มั่นคงให้กับจังหวัดสงขลาของเรา" นายสรรเพชญ กล่าว

กระสันต์ กระแส กระสุน เหตุปัจจัยชัยชนะของ “บิ๊กโอ”

 กระสันต์ กระแส กระสุน เหตุปัจจัยชัยชนะของ “บิ๊กโอ”





มีคนถามมาว่า อะไรเป็นปัจจัยชัยชนะของ “บิ๊กโอ-ก้องเกียรติ์ เกตุสมบัติ” หรือ สจ.โอ ในการเลือกตั้งซ่อม เขต 8 นครศรีฯ หลังจาก “มุกดาวรรณ เลื่องสีนิล” จากพรรคภูมิใจไทย โดนใบแดง ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง


ความจริงข้อหนึ่งที่ต้องยอมรับ คือไสว เลื่องสีนิล สามีของมุกดาวรรณ ที่มาลงสมัครแทน ได้คะแนนถึง 28000 กว่าคะแนน ซึ่งมากกว่า คะแนนที่มุกดาวรรณ เคยได้ 23000 กว่าคะแนน แต่คะแนนของบิ๊กโอกลับพุ่งขึ้นไปเกือบทะลุ 40000 คะแนน คว้าชัยชนะไปแบบขาดลอย ม้วนเดียวจบ


บิ๊กโอในวัย 40 กว่าๆ ถือว่าเป็นช่วงวัยหนุ่มวัยทำงาน วัยวุฒิพร้อม คุณวุฒิพร้อม องคาพยพพร้อม การที่ใครสักคนจะได้เป็นรับเลือกตั้งจากประชาชนเป็นสส. นอกจากโชคชะตาแล้วยังมีองค์ประกอบหลายด้านเป็นความลงตัวในทุกทุกมิติที่เกี่ยวข้องกับตัวตนของเขา

กระสันต์ กระแส กระสุน เป็นปัจจัยหลักในการนำชัยชนะคราวนี้ กระสันต์ คือความอยากมีในตัวของ บิ๊กโอแน่นอน อยากเข้าสู่แวดวงการเมือง เขาเริ่มเข้ามาสัมผัสจากการเป็นสารวัตรกำนัน ต.ละอาย อ.ฉวาง จังหวะปะเหมาะก็ลงชิง ส.อบจ.อ.ฉวาง จ.นครศรีฯ และได้รับเลือกตั้ง 

ด้วยคะแนนเสียงมากที่สุดในเขตเลือกตั้งนี้

มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มคน มีผู้คนมาให้กำลังใจมากมาย

บิ๊กโอทำหน้าที่ ส.อบจ.อยู่ 2 ปี ตัดสินใจลาออก เพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น สส.เขต 8 นครศรีฯ (ฉวาง ช้างกลาง นาบอน และพิปูน) ในนามพรรคประชาธิปัตย์ แต่ด้วยอุบัติเหตุทางการเมือง ทำให้บิ๊กโอไม่ได้ลงสมัคร


สองปีที่รอคอย“ใบแดง” บิ๊กโอเริ่มแต่งเนื้อแต่งตัว เตรียมความพร้อม เขาตัดสินใจเข้าสังกัดค่ายธรรมนัส พรหมเผ่า พรรคกล้าธรรม และเมื่อใบแดงชัดเจน พรรคกล้าธรรมก็เปิดตัวส่งบิ๊กโอลงสนาม แม้จะต้องราวีกับพ่อตา -ชินวรณ์ บุณยะเกียรติ์ จากพรรคประชาธิปัตย์ก็ตาม

กระแสของบิ๊กโอมีมาตลอดว่าจะลง สส.ในเขต 8 แน่นอน มีการกล่าวขานถึงเด็กหนุ่ม ไฟแรงคนนี้มาตั้งแต่ต้น แม้จะสังกัดพรรคการเมืองใหม่ที่ไม่เคยผ่านสนามเลือกตั้งมาก่อน แต่ฝีมือระดับผู้กองธรรมนัส และพลพรรค เป็นทีมการเมืองที่สามารถกำกับบังคับให้ผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงตามที่ต้องการได้ ผู้กองธรรมนัส เคยประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งซ่อมเขต 4 นครศรีธรรมราชมาครั้งหนึ่งแล้ว ก็ใช้วิธีการตั้งวอร์รูมแล้วบริหารคะแนนเสียงให้มากพอ พอที่จะเป็น สส.ก็ประสบความสำเร็จมาแล้ว ดันให้ “อาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ” เป็น สส.ในนามพรรคพลังประชารัฐ 1 สมัย

กระสุนเป็นปัจจัยชี้ขาดในการเลือกตั้งครั้งนี้ จะเห็นได้ว่า พรรคที่ยิงกระสุนเยอะๆ ก็จะมีคะแนนมาก ส่วนพรรคซื้อๆ ทำการเมืองสุจริต คะแนนออกมาแทบจะเป็นลม ระดับ “ชินวรณ์” อดีต สส.9 สมัย อดีตรัฐมนตรีศึกษาธิการ มีคะแนนแค่ 4000 กว่าคะแนน พรรคประชาชนมีคะแนนแค่ 6000 กว่าคะแนน ซึ่งผิดคาดหมด

ก็ไม่รู้ว่า พรรคการเมืองที่มีคะแนนมากๆ ใช้งบประมาณไปเท่าไหร่ กับข่าวลือหัวละ 1000-2000 บาท ภายใต้การจัดการเลือกตั้งที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต .) ก็ทำอะไรไม่ได้ หรือไม่ทำอะไรเลยในการขจัดหรือยับยั้งการซื้อสิทธิ ขายเสียง ทั้งๆที่มีกลไกตัวช่วยมากมาย แต่กลับนั่งรอให้คนไปร้องเรียนส่งหลักฐานให้

พรรคการเมืองกล้าทำการเมืองแบบหวังผลโดยไม่คำนึงถึงเรื่องวิธีการ ว่าเป็นความเลวร้าย ทำลายระบบการเมือง ทำลายประชาธิไตย เขาก็ย่อมทำจนประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ได้

น่าสนใจถอดรหัสการเลือกตั้งซ่อมเขต 8 นครศรีฯกับอนาคตทางการเมืองในภาคใต้ของพรรคกล้าธรรม

 #นายหัวไทร

 #เลือกตั้งซ่อมเขต8

 #ทำเฒ่าเรื่องเพื่อน

“นิพนธ์” เตือน พรรคประชาธิปัตย์ ต้องกล้าเปลี่ยนทุกด้าน หากไม่เปลี่ยนมีแต่ล่มสลาย ย้ำบทเรียนพ่ายเลือกตั้งนครศรีธรรมราชสะท้อนความเชื่อมั่นที่ถดถอย

“นิพนธ์” เตือน พรรคประชาธิปัตย์ ต้องกล้าเปลี่ยนทุกด้าน หากไม่เปลี่ยนมีแต่ล่มสลาย ย้ำบทเรียนพ่ายเลือกตั้งนครศรีธรรมราชสะท้อนความเชื่อมั่นที่ถดถอย

วันนี้ (28 เมษายน 2568) นายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับผลการเลือกตั้งซ่อมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 8 จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์พ่ายแพ้อย่างราบคาบว่า พรรคต้องน้อมรับการตัดสินใจของประชาชน และนำผลคะแนนในครั้งนี้กลับมาทบทวนอย่างจริงจัง เพื่อกำหนดแนวทางฟื้นฟูพรรคให้กลับมาเป็นความหวังและเป็นที่พึ่งของประชาชนอีกครั้ง

นายนิพนธ์กล่าวว่า การเมืองเป็นเรื่องของความเชื่อมั่นและความศรัทธา หากพรรคประชาธิปัตย์ไม่สามารถสร้างศรัทธาและความไว้วางใจจากประชาชนได้ ก็ยากที่จะประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ดังนั้น คณะกรรมการบริหารพรรคซึ่งเป็นองค์กรสูงสุด ต้องกลับมาทบทวนและต้องกล้าเปลี่ยนแปลงในทุกมิติอย่างจริงจัง หากยังคงยึดติดกับแนวทางเดิมโดยไม่ปรับตัว พรรคก็มีแต่จะเสื่อมถอยและล่มสลายในที่สุด

“วันนี้พรรคต้องกล้าถามตัวเองว่า ประชาชนคิดอย่างไรกับพรรค ในสถานการณ์ปัจจุบัน ต้องกล้าประกาศแนวทางการเมืองที่สุจริต โปร่งใส และทำให้ประชาชนเห็นเป็นรูปธรรม ไม่ใช่เพียงแค่กล่าวอ้าง แต่ต้องแสดงให้เห็นว่าพรรคกล้าเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่สังคมไม่พึงประสงค์ได้จริง ๆ” นายนิพนธ์กล่าว


นายนิพนธ์ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า พรรคประชาธิปัตย์จำเป็นต้องวิเคราะห์อย่างลึกซึ้งว่าเพราะเหตุใดประชาชนจึงหันหลังให้ และจะต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กลับคืนมา เพราะสุดท้ายแล้ว ประชาชนจะมอบอนาคตของประเทศและฝากฝังไว้ให้กับผู้ที่เขาเชื่อถือได้เท่านั้น


“ถ้าพรรคไม่กล้าเปลี่ยนแปลง ก็มีแต่จะพ่ายแพ้ พรรคประชาธิปัตย์ต้องกล้าเปลี่ยนทุกอย่าง หากไม่เปลี่ยน ก็ไม่สามารถอยู่รอดได้” นายนิพนธ์กล่าวย้ำในตอนท้าย

วันจันทร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2568

"บิ้กเกรียง" รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง รับการสื่อสารผลงานของวุฒิสภา ต้องปรับรูปแบบ ดึงสื่อสารมวลชนแชร์ความรู้-ประสบการณ์

 "บิ้กเกรียง" รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง รับการสื่อสารผลงานของวุฒิสภา ต้องปรับรูปแบบ ดึงสื่อสารมวลชนแชร์ความรู้-ประสบการณ์



"บิ้กเกรียง" รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง รับการสื่อสารผลงานของวุฒิสภา ต้องปรับรูปแบบ ดึงสื่อสารมวลชนแชร์ความรู้-ประสบการณ์ พ้อสว.ทำเยอะแต่ประชาชนไม่ทราบ ปิดสมัยประชุมคงคิดว่ากลับไปนอนบ้านเฉยๆ


เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 28 เม.ย.2568 ที่รัฐสภา พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง เป็นประธานโครงการอบรมเสริมสร้างประสิทธิภาพในการเผยแพร่ผลงานของกรรมาธิการ (กมธ.) วุฒิสภา กล่าวว่า คาดหวังให้กมธ.และคณะทำงาน สามารถสื่อสารเรื่องผลงานของวุฒิสภาสู่ประชาชนรับรู้รับทราบ โดยได้เชิญวิทยากรที่เป็นสื่อสารมวลชนมาให้ความรู้และแชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับการนำเสนอข่าว เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในการสื่อสารผลงานของกมธ.และสว.

พล.อ.เกรียงไกร กล่าวว่า วุฒิสภามีผลงานเยอะแต่ไม่ได้ออกสื่อ อย่างตนได้เดินทางกลับมาจากต่างจังหวัดเมื่อวานนี้ (27 เม.ย.) มีบุคคลสอบถามว่าปิดสมัยประชุมแล้ว เหตุใดต้องมารัฐสภาอีก ก็ได้ชี้แจงว่าในช่วงปิดสมัยประชุม การประชุมก็ปิดไปแต่ว่าการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการยังมีการประชุมและลงพื้นที่

“อย่างนี้ประชาชนไม่ทราบว่าในช่วงปิดสมัยการประชุม สว.มีหน้าที่ต้องทำอะไรบ้าง คงคิดว่ากลับไปนอนบ้านเฉยๆ“ พล.อ.เกรียงไกรกล่าว

เมื่อถามว่าทำมากแต่ได้น้อยหรือไม่ พล.อ.เกรียงไกร กล่าวว่าไม่ใช่ ทำมากก็ได้มาก แต่การรับรู้ของพี่น้องประชาชน ในงานที่สมาชิกวุฒิสภาทำอยู่แต่คณะกรรมการมีอะไรบ้าง และมีผลทางปฏิบัติอย่างไร การประชาสัมพันธ์การทำงานของสว.ก็ไม่น้อย แต่ช่องทางประชาสัมพันธ์ ที่จะทำให้เข้าถึงเป้าหมาย เพื่อให้ประชาชนรับรู้รับทราบ เราอาจมีจุดบอด หรือ อาจจะไม่เป็นที่สนใจในการนำเสนอ

รวมถึงการเรียบเรียงข้อมูลผลการปฏิบัติงานว่าจะทำอย่างไรให้ประชาชนเข้ามาสัมผัสและติดตามได้ ซึ่งคงต้องมีการปรับรูปแบบการสื่อสาร ที่ผ่านมาการสรุปผลการประชุม ก็มีบ้าง ไม่มีบ้าง บางครั้งก็ไม่ได้นำเสนอในเนื้องาน

“ดังนั้น วันนี้จึงนำวิทยากรเข้ามาสอน มาบอกเล่าต่อกมธ. เช่น จะต้องเขียนข่าวอย่างไรให้มีความน่าสนใจ และจะต้องใช้สื่อลักษณะไหน และในการลงพื้นที่ของกมธ.คณะต่างๆ ก็ไม่มีงบประมาณในการพาสื่อกลางเข้าไปด้วย จึงอาจจะใช้สื่อในพื้นที่” พล.อ.เกรียงไกร กล่าว

วันอาทิตย์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2568

ผู้บังคับกองบังคับการควบคุมสุริโยทัยเข้าเยี่ยมให้กำลังใจ,พร้อมติดตามการดำเนินงาน มว.ปชด.ที่3 ร้อย.ปชด.ที่2 กองบังคับการสุริโยทัย อำเภอเเว้ง จังหวัดนราธิวาส


ผู้บังคับกองบังคับการควบคุมสุริโยทัยเข้าเยี่ยมให้กำลังใจ,พร้อมติดตามการดำเนินงาน มว.ปชด.ที่3 ร้อย.ปชด.ที่2 กองบังคับการสุริโยทัย อำเภอเเว้ง จังหวัดนราธิวาส 


 ปทิตตา หนดกระโทก ผู้สื่อข่าว นราธิวาสรายงาน Tel.0824154474 

ที่ฐานปฎิบัติการ หมวดป้องกันชายแดนที่ 3 กองร้อยป้องกันชายแดนที่ 2 กองบังคับการสุริโยทัย อำเภอเเว้ง จังหวัดนราธิวาส ,พลตรี ณรงค์ ตันติสิทธิพร,  ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส/ผู้บังคับกองบังคับการควบคุมสุริโยทัย,เดินทางลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ,ติดตามการดำเนินงานห้วงที่ผ่านมาและรับฟังการบรรยายสรุป, มาตรการควบคุมการผ่านเข้าออกตามแนวชายแดน พร้อมทั้งติดตามการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ติดตามความคืบหน้าการสร้างสะพานแห่งใหม่ ณ ด่านศุลกากรบูเก๊ะตาและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ ในการควบคุมการรักษาความปลอดภัยประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบ


 ทั้งนี้ได้พบปะพูดคุย/มอบสิ่งของอุปโภคบริโภคเพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติงานของกำลังพลต่อไป ณ ที่ฐานปฎิบัติการ หมวดป้องกันชายแดนที่ 3 กองร้อยป้องกันชายแดนที่ 2 กองบังคับการสุริโยทัย อำเภอเเว้ง จังหวัดนราธิวาส 



ทั้งนี้พลตรี ณรงค์ ตันติสิทธิพร,  ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส/ผู้บังคับกองบังคับการควบคุมสุริโยทัย ได้เน้นย้ำนโยบายการปฏิบัติงาน, ตามพันธกิจ 3 ประการในการป้องกันชายแดน, ไม่ว่าจะเป็นการเฝ้าตรวจและป้องกันชายแดน การจัดระเบียบและการสร้างความมั่นคงในพื้นที่ชายแดน และการประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อป้องกันการลักลอบกระทำผิดกฎหมายทุกชนิดตามแนวชายแดนไม่ว่าจะเป็นการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ยาเสพติด การขนสินค้าหนีภาษี อาชญากรรมข้ามชาติ









 โดยที่ผ่านมาประเทศทั้งสองฝ่ายไทยและมาเลเซียได้หารือแลกเปลี่ยนเพื่อส่งเสริมความร่วมมือยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนทั้งสองประเทศตามแนวชายแดนด้วยดีมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะด้านการพัฒนาเศรษฐกิจที่จะทำคู่ขนานไปกับความมั่นคงปลอดภัย เพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้งสองประเทศ

บิ๊กโอคว้าชัยสนามเมืองคิน สะท้อนอนาคตก้าวกระโดดของพรรคกล้าธรรม ความถกถอยของประชาธิปัตย์ และภูมิใจไทย

 บิ๊กโอคว้าชัยสนามเมืองคิน สะท้อนอนาคตก้าวกระโดดของพรรคกล้าธรรม ความถกถอยของประชาธิปัตย์ และภูมิใจไทย

…..


ผลการนับคะแนนเลือกตั้งซ่อมเขต 8 นครศรีฯอย่างไม่เป็นทางการ แทนตำแหน่งว่าง หลังจาก “มุกดาวรรณ เลื่องสีนิล” จากพรรคภูมิใจไทย โดนใบแดง


ผลการนับคะแนนครบทั้ง 233 หน่วยเลือกตั้งแล้ว ปรากฏว่า

เบอร์ 1     28,422 (ไสว)

เบอร์ 2     4,189 (ชินวรณ์)

เบอร์ 3     6,759 (ณัฐกิตติ์)

เบอร์ 4     286 (พรรคพร้อม)

เบอร์ 5     39,039 (ก้องเกียรติ์)

เบอร์ 6     192 (ทางเลือกใหม่)


ผลการนับคะแนนเบื้องต้น “บิ๊กโอ-ก้องเกียรติ์ เกตุสมบัติ” จากพรรคกล้าธรรมชนะขาดลอย กินขาดพรรคภูมิใจไทย ที่มีพิพัฒน์ รัชกิจประการ เป็นหัวเรือใหญ่ หลังจากก่อนหน้านี้ ในการเลือกตั้งปี 2566 ยึด 2 เขตเลือกตั้งของนครศรีฯมาได้ คือเขต 7 ษฐา ขาวขำ เอาชนะชินวรณ์ บุณยะเกียรติ์ จากประชาธิปัตย์ เขต 8 มุกดาวรรณ เลื่องสีนิล เอาชนะ ทั้งประชาธิปัตย์ พลังประชารัฐ และประชาชน ส่ง “มุกดาวรรณ” เข้าไปนั่งในสภา แต่มุกดาวรรณถูกร้องเรียนเรื่องซื้อเสียง และโดนใบแดง


พรรคภูมิใจไทย กล้าหาญเกินเหตุส่ง “ไสว เลื่องสีนิล” สามีมุกดาวรรณ ที่โดนใบแดงลงสมัครอีกครั้ง กฎหมายไม่ได้ครอบคลุมว่า ภรรยาโดนใบแดง หรือสามีโดนใบแดง ถ้ายังไม่จ่ายค่าเสียหาย ห้ามลงเลือกตั้ง


น้ำ วาริน ชิณวงศ์ นายกฯอบจ.นครศรีฯมองว่า ใบแดงเป็น “เหตุสุดวิสัย”


ภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาที่มาช่วยปราศรัยว่า ใบแดงของมุกดาวรรณ เป็นอุบัติเหตุทางการเมือง


แต่ประเด็นข้อเท็จจริง คือ มุกดาวรรณ ถูกร้องเรียนเรื่องซื้อเสียงเลือกตั้ง มีพยานหลักฐานจนศาลเชื่อ และพิพากษาให้ใบแดง จนนำมาสู่การเลือกตั้งใหม่


ผลการเลือกตั้งชัดเจนว่า คนนครฯเขต 8 ไม่เอาครอบครัวคนที่เคยมีประวัติซื้อเสียง ส่วนผลการเลือกตั้งจะนำมาสู่การร้องเรียน-ซื้อเสียงอีกหรือไม่ จะมีใบแดงรอบสองไหม ต้องติดตามกันต่อไป

 

แต่ชัยชนะของ “บิ๊กโอ-ก้องเกียรติ์ เกตุสมบัติ ในการเลือกตั้งซ่อมเขต 8 นครศรีธรรมราช มีความหมายยิ่งสำหรับพรรคกล้าธรรม


พรรคกล้าธรรมที่มี สส.อยู่แล้ว 24 คน แต่พรรคกล้าธรรมไม่เคยผ่านสนามเลือกตั้งมาก่อน เป็นพรรคการเมืองที่เกิดใหม่ สส.24 คน ส่วนใหญ่มาจากการถูกขับออกจากพรรคพลังประชารัฐ และมาสังกัดพรรคกล้าธรรม พร้อม รอ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่มานั่งเป็นประธานที่ปรึกษาพรรค


ชัยชนะของ ”บิ๊กโอ“ จึงเป็นชัยชนะแรกของพรรคกล้าธรรมในสนามเลือกตั้ง นับต่อแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป คือการนับ 1 ของการ ”เขย่ง-ก้าว-กระโดด“ของพรรคกล้าธรรม ในการเดินหน้าขับเคลื่อนพรรคืเพื่อเดินไปสู่สนามเลือกตั้งปี 70 ธรรมนัสจะต้องเดินเต็มกำลังเพื่อเข้ามายึดครองพื้นที่ภาคใต้ ในสถานการณ์ที่พรรคการเมืองเจ้าสนามเดิมกำลังอ่อนแอแอ ไม่ว่าจะเป็นประชาธิปัตย์ หรือภูมิใจไทย และหรือพรรคประชาชาติ


พรรคประชาธิปัตย์อ่อนแออันเกิดจากสนิทเห็น ภายในพรรคเองที่สถานการณ์ตกอยู่ในสภาพที่ยากต่อการฟื้นฟู ไม่แตกต่างจากตึกสำนักงาน สตง.ถล่ม หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหน เรื่องราวถูกขุดถูกรื้อขึ้นมาแฉเรื่องแล้วเรื่องเล่า สถานการณ์ของประชาธิปัตย์ก็ไม่แตกต่างกัน แกนนำพรรคขาดความน่าเชื่อถือ ถูกกระแนะกระแหนครั้งแล้วครั้งเล่า ยิ่งตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาลที่มีทักษิณชักใยอยู่เบื้องหลังยิ่งไปกันใหญ่ 3-4 ผู้อาวุโสก็ยังเดินไปคนละทิศคนละทางกับมติพรรค


ส่วนพรรคภูมิใจไทยที่ค่อยๆเข้ามาแทรกซึมยึดพื้นที่ภาคใต้ และขยายฐานออกไปเรื่อยๆ ดูเหมือนจะดีกับวลี “พูดแล้วทำ” แต่ก็มีคำถามว่า ทำอะไรบ้าง แถมยังมีปัญหาเรื่องที่ดินสนามกอล์ฟของ “อนุทิน ชาญวีระกูล” หัวหน้าพรรคที่รอการพิสูจน์ เรื่องที่ดินเขากระโดง ก็เป็นกลัดหนองอยู่ แถมยังมีปัญหาข้อขัดแย้งกับพรรคแกนนำรัฐ ทั้งเรื่องแก่รัฐธรรมนูญ เรื่องกาสิโน ที่ยังไม่รู้อนาคตว่าจะถูกปรับออกหรือ หรือจะถูกยึดกระทรวงสำคัญๆหรือไม่


พรรคประชาชาติ เมื่อ “วันมูหะมัดนอร์ มะทา” ต้องล้างมือในอ่างทองคำ พรรคประชาชาติก็เดินไปยาก ต้องยอมรับความจริงว่า พรรคประชาชาติเกิดจาก “วันนอร์” คนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังให้ความเคารพนับถือ “วันนอร์” อยู่มาก เมื่อวันนอร์ถอยออกไป ถามว่า พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง จะหอบหิ้วพรรคต่อไปได้แค่ไหน จึงน่าจะเปิดช่องให้พรรคกล้าธรรมเข้าโจมตีได้ง่ายขึ้น


กล่าวสำหรับภาคใต้เป้าหมายของพรรคกล้าธรรมจะจู่โจมเข้าโจมตีตั้งแต่ชุมพร ไล่ไปจนถึงสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ 


ส่วนภาคอิสานต้องยอมรับความจริงว่า เป็นถิ่นของเพื่อไทย และภูมิใจไทย พรรคกล้าธรรมจึงมีเป้าหมายตีพื้นที่ภูมิใจไทยในภาคอิสาน ประเดิมด้วยการดึงตระกูล “ช่างเหลา” แห่งเมืองขอนแก่นเข้ามาอยู่ชานคาเดียวกันเป็นการประเดิม หลังภูมิใจไทยมีมติขับ “เอกราช ช่างเหลา”ออกจากพรรค


ภาคเหนือก็เป็นฐานของเพื่อไทย ก็ให้เขาสู้กันกับพรรคประชาชน แต่พรรคกล้าธรรมจะเลือกสู้ในบางสนามที่มีความหวัง เช่นเดียวกับภาคกลางก็จะเลือกแข่งในสนามที่สู้ได้

ส่วนกรุงเทพคงไม่ใช่เป้าหมายของพรรคกล้าธรรม คงปล่อยให้พรรคเพื่อไทยราวีกับพรรคประชาชน


แต่แน่นอนว่า ชัยชนะของบิ๊กโอ ได้สร้างความฮึกเหิมให้กับพรรคกล้าธรรมมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าชัยชนะนั้นจะได้มาด้วยวิธีการใดก็ตาม


ความพ่ายแพ้ของพรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาธิปัตย์ สะท้อนอนาคตชัดเจนว่าจะเดินไปสู่จุดไหน ให้พิจารณาคะแนนไม่เลือกใครด้วย

 #นายหัวไทร

 #ทำเฒ่าเรื่องเพื่อน

“ รายการคืนคุณให้แผ่นดินขอนำเสนอเปิดพิพิธภัณฑ์ตำหนักสมเด็จพระสังฆราช (แพ ติสสเทวมหาเถร ) ณ วัดสุทัศนเทพวราราม ราชวรมหาวิหาร กทม.สมบัติพระพุทธศาสนาล้ำค่าของแผ่นดินไทย “

 “ รายการคืนคุณให้แผ่นดินขอนำเสนอเปิดพิพิธภัณฑ์ตำหนักสมเด็จพระสังฆราช (แพ ติสสเทวมหาเถร ) ณ วัดสุทัศนเทพวราราม ราชวรมหาวิหาร กทม.สมบัติพระพุทธศาสนาล้ำค่าของแผ่นดินไทย “ 


รายการคืนคุณให้แผ่นดิน ผลิตรายการคืนคุณให้แผ่นดินเพื่อสืบสานพระพุทธศาสนาและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์


   “ รายการคืนคุณให้แผ่นดินขอนำเสนอเปิดพิพิธภัณฑ์ตำหนักสมเด็จพระสังฆราช (แพ ติสสเทวมหาเถร ) ณ วัดสุทัศนเทพวราราม ราชวรมหาวิหาร กทม.สมบัติพระพุทธศาสนาล้ำค่าของแผ่นดินไทย “ 






   สมเด็จพระอริยวงศาคตญาน ( แพ ติสสเทวมหาเถร ) สมเด็จพระสังฆราช สกลสังฆปรินายก เป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหารรูปที่ ๔ ทรงดำรงตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ ๑๒ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อ พุทธศักราช ๒๔๘๐ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทรทรงดำรงตำแหน่งอยู่ ๖ ปี สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๔๘๗ ขณะพระชันษาได้ ๘๘ ปี 




   พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งขึ้นในปี พุทธศักราช๒๕๖๗ ภายในพื้นที่คณะ ๖ วัดสุทัศน์ ซึ่งเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราช (แพ ) และอดีตเจ้าอาวาสรูปก่อนๆ ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๓ เป็นต้นมา ปัจจุบันเป็นที่เก็บรักษา และ จัดแสดงบริขารส่วนพระองค์ ผลงานด้านเชิงช่าง พระนิพนธ์เทศนา ของสมเด็จพระสังฆราช(แพ ) และ โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุของวัดสุทัศนเทพวรารามวรมหาวิหารซี่งมีคุณค่าในทางประวัติศาสตร์ อาทิ พระพุทธรูป เอกสารโบราณ เครื่องถ้วย เครื่องมุก เครื่องแก้ว และอื่นๆ มากกว่า ๒๐,๐๐๐ รายการ ถูกกระจายจัดแสดงอยู่ในอาคารหลัก ๕ หลัง ประกอบด้วย ห้องโถงที่ประทับ หอพระกรรมฐาน หอไตร กุฎิเรือนแถวทิศตะวันออกและกุฎิเรือนแถวทิศตะวันตก ภายในพื้นที่รวม ๑,๗๘๘ ตารางเมตร 




  ๑. ตำหนักประทับ  จัดแสดงพระประวัติสมเด็จพระสังฆราช ( แพ ติสสเทวมหาเถร ) สิ่งของเครื่องใช้ส่วนพระองค์ งานพุทธศิลป์ฝีพระหัตถ์ ศิลปวัตถุเนื่องในพุทธศาสนา ที่ทรงได้รับถวายจากพระบรมวงศานุวงศ์ ในโอกาสต่างๆ และจัดแสดงประวัติและสิ่งของเครื่องใช้ของสมเด็จพระวันรัต ( แดง สีลวฑุตมหาเถร ) 

๒. หอพระกรรมฐาน ประดิษฐานพระพุทธรูป และ ปูชนียวัตถุสำคัญของวัดสุทัศน์ เช่น พระสุนทรีวาณี , พระนิรโรคันตราย , และ หลวงพ่อดำ 

๓. หอไตร จัดแสดงตาลปัตรและผ้ากราบ

๔. กุฎิเรือนแถวทิศตะวันออก จัดแสดงเอกสารโบราณ ประกอบด้วย คัมภีร์ใบลาน สมุดไทย พระไตรปิฏก พระนิพนธ์เทศนาของสมเด็จพระสังฆราช ( แพ ) และ ผ้าห่อคัมภีร์ 

๕ . กุฏิเรือนแถวทิศตะวันตก จัดแสดงเครื่องพุทธบูชาประกอบด้วย ที่ชา เครื่องมุก เครื่องกระเบื้อง และเครื่องโต๊ะ 

CR: ศิริพร จงศิริ ผู้อำนวยการใหญ่ผลิตรายการคืนคุณให้แผ่นดิน