ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ จัดเสวนา “การวางแผนการผลิตพืชผักให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด” น้อมนำแนวพระราชดำริสู่การสร้างรายได้ที่มั่นคง
ปทิตตา หนดกระโทก ผู้สื่อข่าว นราธิวาสรายงาน Tel.0824154474
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 17 สิงหาคม 2568 ที่ห้องประชุม 1 ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ ตำบลกะลุวอเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส ด้วยศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ จัดเวทีเสวนา “การวางแผนการผลิตพืชผักให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด”
โดยได้รับเกียรติจากผู้แทนหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาตามแนวพระราชดำริ ประกอบด้วย นายอภิศักดิ์ สรวิสูตร ผู้อำนวยการกองประสานงานโครงการพื้นที่ 4 (ภาคใต้) พร้อมด้วย นางสายหยุด เพ็ชรสุข ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ นายสุชาติ ใจดี หัวหน้าแผนกระดับ 8 โครงการส่วนพระองค์ 902 ผู้ประสานงานฟาร์มตัวอย่างฯภาคใต้ และนายซูไฮดี บาซอ หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัตนาการผลิต โดยมีเจ้าหน้าที่ภายในศูนย์ศึกษาพัฒนาพิกุลทองฯที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร เกษตรกร คณะครู อาจารย์ นักศึกษา ตลอดจนผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมรับฟังการเสวนาในครั้งนี้
ด้วยศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จัดเวทีเสวนา “การวางแผนการผลิตพืชผักให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด” ทั้งนี้เพื่อเผยแพร่ผลสำเร็จจากการดำเนินงานของศูนย์ฯ และสร้างความรู้ความเข้าใจแก่เกษตรกร รวมถึงประชาชนทั่วไป ให้สามารถน้อมนำแนวพระราชดำริไปประยุกต์ใช้ในการประกอบอาชีพด้านการเกษตร อันจะนำไปสู่ความมั่นคงและยั่งยืนของรายได้
สำหรับเวทีเสวนาแบ่งการพูดคุยออกเป็น 2 รอบหลัก ได้แก่ รอบที่ 1 ผู้แทนแต่ละหน่วยงานได้สะท้อนบทบาทและแนวคิดในการขับเคลื่อนการผลิตพืชผักให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ซึ่งสำนักงาน กปร. เน้นสนับสนุนการวางแผนและงบประมาณเพื่อให้ศูนย์ฯ ถ่ายทอดองค์ความรู้สู่เกษตรกร ขณะที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ มุ่งส่งเสริมการวิจัย ทดลอง และถ่ายทอดวิธีการปลูกที่เหมาะสมกับพื้นที่ ฟาร์มตัวอย่างฯ ภาคใต้ถูกยกให้เป็นต้นแบบและแหล่งเรียนรู้ตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง ส่วนสำนักงานเกษตรจังหวัดชี้ให้เห็นศักยภาพของเกษตรกรในพื้นที่ควบคู่กับข้อจำกัดด้านข้อมูลตลาด และเสนอให้เพิ่มการสนับสนุนเชิงระบบ
รอบที่ 2 ผู้แทนหน่วยงานได้แลกเปลี่ยนแนวทางปฏิบัติจริงและข้อเสนอแนะ โดยสำนักงาน กปร. ระบุข้อท้าทายสำคัญในการเชื่อมโยงผลผลิตกับตลาด เช่น ข้อมูลที่ยังไม่ทั่วถึงและการผลิตที่ไม่สม่ำเสมอ พร้อมเสนอให้พัฒนาระบบข้อมูลตลาดที่เข้าถึงง่าย ขณะที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ ยกตัวอย่างเกษตรกรต้นแบบที่ประสบความสำเร็จจากการวางแผนการผลิตพืชผักปลอดสารเพื่อตลาดท้องถิ่น โดยมีองค์ประกอบสำคัญคือการเลือกชนิดพืช การบริหารจัดการแปลง และการเข้าถึงข้อมูลตลาด ฟาร์มตัวอย่างฯ ภาคใต้มีบทบาทเชื่อมโยงเกษตรกรกับข้อมูลและองค์ความรู้ใหม่ ๆ ส่วนสำนักงานเกษตรจังหวัดและผู้ดำเนินรายการเสนอการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เช่น แอปพลิเคชันด้านการตลาด และการสร้างเครือข่ายเกษตรกรเพื่อเสริมอำนาจการต่อรองด้านราคาและการจำหน่าย
สำหรับการเสวนาครั้งนี้นับเป็นอีกก้าวสำคัญของศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ ในการเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้และเผยแพร่องค์ความรู้ตามแนวพระราชดำริ ซึ่งการผลิตพืชผักให้สอดคล้องกับตลาดต้องอาศัยการทำงานบูรณาการระหว่างนโยบายส่วนกลาง องค์ความรู้จากศูนย์ศึกษาและฟาร์มต้นแบบ รวมทั้งกลไกสนับสนุนจากหน่วยงานส่งเสริมการเกษตรในพื้นที่ เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรและประชาชนในพื้นที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตและการประกอบอาชีพอย่างมั่นคงและยั่งยืน อันจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในจังหวัดนราธิวาสและภาคใต้อย่างยั่งยืน
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น