ทางรอดประชาธิปัตย์บนแผ่นดินปลายด้ามขวาริบหรี่เต็มที
……
ตั้งคำถามตรงๆ การเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคประชาธิปัตย์ภาคใต้จะเป็นอย่างไร รอดหรือร่วง
ก็ต้องตอบตรงๆ ครับ:
ประชาธิปัตย์ภาคใต้ในการเลือกตั้งครั้งหน้า (คาดปี 2568-2572) มีแนวโน้ม “ยากขึ้น” อย่างมาก และอาจเสียเก้าอี้เพิ่มจากที่เหลืออยู่ไม่มากแล้ว จาก 54 ที่นั่งเหลือแค่ 10 กว่า
เหลืออยู่ไม่มากกับการสูญเสียที่นั่งแบบยกจังหวัดที่สุราษฏร์ธานี ทั้งๆที่เลือกตั้งปี 2562 ประชาธิปัตย์ได้มายกจังหวัด 6 คน ส่งให้ “สินิตย์ เลิศไกร ได้โควต้าไปนั่งเป็นรัฐมนตรีช่วยพาณิชย์
นครศรีธรรมราช เมืองหลวงของประชาธิปัตย์ ได้ สส.มาแค่ 6 คน จาก 10 ที่นั่ง และบางเขตในบางจังหวัดแพ้ไม่เป็นท่า แม้พัทลุงจะยังรักษาไว้ได้ถึง 2 เก้าอี้จาก 3 เก้าอี้ แต่ไม่ได้เป็นผลดีกับอนาคตของพรรคมากนัก
วิเคราะห์ตามสถานการณ์จริง
1. ความนิยมของพรรคลดลงต่อเนื่อง หลังตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาลกับ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา และรัฐบาลแพทองธาร
ผลการเลือกตั้งปี 2566 ประชาธิปัตย์เหลือ ส.ส.เขตในภาคใต้แค่ 13 คนจากเดิมราว 50 กว่า
พ่ายแพ้ในหลายพื้นที่โดยเฉพาะ นครศรีธรรมราช, สุราษฎร์, พัทลุง, สงขลา, กระบี่,สตูล ฯลฯ
ฐานเสียงเก่าถูก พรรคภูมิใจไทย, พลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ และก้าวไกล แทรกเข้ามาอย่างหนัก ภูมิใจไทยเข้ามาแทรกได้ในจังหวัดระนอง สุราษฏร์ธานี นครศรีฯ พัทลุง กระบี่ พังงา สตูล สงขลา และ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พลังประชารัฐในยุคแรกก็เข้ามายึดไปถึง 14 ที่นั่ง รอบปี 2566 ก็มีรวมไทยสร้างชาติเข้ามาแทรกอีกหลายเขตเลือกตั้ง
2. ปัญหาภายในพรรค
แกนนำเก่า เช่น นิพนธ์ บุญญามณี ก็มีท่าทีแยกตัว/ถูกลดบทบาทในพรรคลง ไม่ได้เป็นกรรมการบริหาร มีความขัดแย้งเรื่องการจัดคนลงสมัครในบางเขต ทำให้ ศักยภาพการสู้ศึกเลือกตั้งลดลง เป็นการคัดคนแบบเล่นพรรคเล่นพวก พ่อลงแล้ว มีลูก มีภรรยาลงอีก (การเมืองครอบครับ)
พรรคประชาธิปัตย์ขาดภาพลักษณ์ผู้นำเด่น และยังไม่มี “นายหัวรุ่นใหม่” ที่ชัดเจน ไม่เหมือนในอดีต ตั้งแต่ยุค ชวน หลีกภัย บัญญัติ บรรทัดฐาน ชำนิ ศักดิเศรษฐ์ สัมพันธ์ ทองสมัคร วิทยา แก้วภารดัย ไตรรงค์ สุวรรณคีรี สุรินทร์ พิศสุวรรณ สุพัตรา มาศดิตถ์ พิเชษฐ์ พันธุ์วิชาติกุล เหล่านี้เป็นต้น เป็นแกนนำพรรคที่โดดเด่น แต่ยุคปัจจุบันเอ่ยชื่อแล้วคนร้องยี้ ค้นหาภาวะผู้นำไม่เจอ กลับถูกตั้งข้อสังเกตโน้นนี้นั้นมากมาย
3. คู่แข่งแข็งแกร่ง พรรคภูมิใจไทย เข้ามาเบียดแทรกในสถานการณ์ที่ประชาธิปัตย์อ่อนแอ ”พูดแล้วทำ“ อาศัยเป็นรัฐบาลต่อเนื่อง ใช้งบลงพื้นที่-นโยบายปฏิบัติได้จริง เช่น น้ำ/ยางพารา/โรงพยาบาล โครงสร้างพื้นฐาน
ก้าวไกล (ประชาชน)แม้จะยังไม่ประสบความสำเร็จในแง่จำนวนที่นั่งในสภาสายใต้ แต่มีฐานคนรุ่นใหม่ กระแสแรงในบางเขต เช่น นครฯ พัทลุง สงขลา และเกือบทุกเขตมีคะแนนไม่น่าเกลียด บี้เบียดเข้ามาประชิด
รวมไทยสร้างชาติ/พลังประชารัฐ ยังมีเครือข่ายฝ่ายความมั่นคงและผู้มีบารมีท้องถิ่น แม้จะไม่แรงเหมือนยุคที่ พล.อ.ประยุทธ ยังอยู่
4. ภาพพรรคยังไม่ฟื้น
แม้จะเลือก หัวหน้าพรรคใหม่ มีกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ (มีเฉลิมชัย ศรีอ่อน เป็นหัวหน้าพรรค เดชอิศม์ ขาวทอง เป็นเลขาธิการพรรค)
แต่หากยังไม่มี นโยบาย-บุคลิก-ภาพจำใหม่ ที่ดึงคนใต้ได้ พรรคก็จะยังถูกมองเป็น “ของเก่า” ที่ไม่ตอบโจทย์สังคมใหม่
ทางรอดของพรรคประชาธิปัตย์ ต้องสร้างภาพจำใหม่ (ไม่ใช่แค่ “พรรคเก่า”) ผลักดันคนรุ่นใหม่ให้ชัด ไม่ใช่ลูกหลานนายหัวเฉยๆ กลับมาเชื่อม “ฐานราก” แบบเดิม เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน กลุ่มอาชีพต่างๆ รวมถึงผู้นำในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
มีจุดยืนชัดในประเด็นใหญ่ เช่น รัฐธรรมนูญ, แก้ปัญหายาง, น้ำ, การศึกษา เป็นต้น
ถ้าไม่มีการ “เปลี่ยนโครงสร้างพรรค-ภาพลักษณ์” ครั้งใหญ่
ประชาธิปัตย์อาจกลายเป็นพรรคเล็กๆในภาคใต้ และสูญเสียสถานะพรรคหลักในภาคใต้ไปในที่สุด
ดูเหมือนว่า พรรคประชาธิปัตย์ยิ่งดิ้นยิ่งติดตาข่าย เหมือนลิงติดแห ถ้าไม่ปล่อย ไม่วางพรรคก็จะร้าง แม้แต่ผู้บริหารพรรคในปัจจุบันก็ไม่มีใครมั่นใจว่า จะยังอยู่เป็นกัปตัน ขับเคลื่อนพรรคต่อไปหรือไม่
#นายหัวไทร
#อนาคตประชาธิปัตย์
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น