โฆษณา

จำนวนผู้เข้าชม

วิเคราะห์ เจาะลึก มุมมองการเมือง พบกับนายหัวไทรนักข่าวหัวเห็ด จาก ปลายด้ามขวานชายแดนใต้

วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

แม่เมืองคอนวัย 44 ปีหลั่งน้ำตาวิงวอนผู้ว่า ฯและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วย"น้องยู"วัย 13 ปีพ้นขุมนรกยาเสพติด(มีคลิป)

 แม่เมืองคอนวัย 44 ปีหลั่งน้ำตาวิงวอนผู้ว่า ฯและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วย"น้องยู"วัย 13 ปีพ้นขุมนรกยาเสพติด(มีคลิป)




  แม่เมืองคอนวัย 44 ปีหลั่งน้ำตาวิงวอนผู้ว่า ฯและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วย"น้องยู"วัย 13 ปีพ้นขุมนรกยาเสพติด- หลังออกก่อเหตุลักลึกขโมยน้อยจนถูกรุมทุบตีต่อเนื่องบาดเจ็บหวั่นถึงตาย- หวังเลิกยากลับหันมาเล่นดนตรี ตีกลองชุด เล่นฟุตบอลและมวยไทยอาจจะมีชื่อเสียงโด่งดังได้ ในอนาคต

  (12 ก.พ .) ศูนย์ข่าว นคร 24 ชั่วโมงสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราชได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือ จากนางจ้อยอายุ 44 ปี อาศัยอยู่ในชุมชนหลังสถานีรถไฟ นครศรีธรรมราชเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช เพื่อให้ ช่วยประสานงานหาทางช่วยเหลือ ลูกชาย ของตัวเองชื่อ"น้องยู วัย 13 ปี ตกเป็นทาสยาเสพติด มีพฤติกรรมลักเล็กขโมยน้อย และถูกเพื่อนบ้านเจ้าทรัพย์ทุกตีทำร้าย ร่างกายอย่างต่อเนื่องได้รับบาดเจ็บอวัยวะภายในบอบช้ำ จนกลับมานอนซมอยู่บ้าน3-4วันแล้ว จึงอยากให้ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยื่นมือเจ้ามาช่วยนำ"น้องยู" ไปรักษาและ บำบัดฟื้นฟู อาการติดยาเสพติดอย่างเร่งด่วนต่อไป

  ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ไปตรวจสอบ พบน้องยู นอนชมอยู่ที่บริเวณหน้าบ้านในสภาพร่างกายซูบผอมจนเห็นซี่โครง และมีรอยเขียวช้ำ ถึงเกิดจากการถูกทุกปีทำร้าย ตามร่างกายหลายแห่ง และยังมีอาการท้องเสียรุนแรงอุจจาระไหลต้องวิ่งเข้าออกห้องน้ำต่อเนื่อง  โดยนางจอยและญาติ ๆ เกือบ 10 คน ต่างแสดง  ความดีใจที่ผู้ซื้อข่าวลงพื้นที่มาตรวจสอบช่วยเหลือ



  นางจอย แม่"น้องยู" และญาติ ๆ ช่วยกันให้ข้อมูล โดยยอมรับว่าน้องยู เป็นเด็กดื้อมีนิสัยก้าวร้าว ไม่ชอบไปโรงเรียน หลังจากเรียนจบ ป. 6 ก็ออกจากโรงเรียนมาอยู่บ้าน ซึ่งนางจอย กล่าวว่าตนแยกทางกับสามีและต้องเลี้ยงดูลูก 2 คนตามลำพัง น้องยูเป็นลูกชายคนโตส่วนอีกคนเป็นลูกสาวอายุ 7 ขวบเรียนอยู่ชั้น ป. 1 ตนประกอบอาชีพ หาเก็บหาของเก่าขายพอมีรายได้ ประทังชีวิตไปวัน 1 วัน 1 มีรายได้วันละ 200-300 บาท ในขณะที่น้องยูออกเที่ยวเตร่จนติดยาเสพติด อย่างงอมแงมและมีพฤติกรรมลักเล็กขโมยน้อยตามบ้านเรือนของเพื่อนบ้านไปทั่วทั้งชุมชน และมักจะถูกเพื่อนบ้านเจ้าของทรัพย์สินรุมทุบตีทำร้ายอย่างโหดร้ายทารุณ หลายครั้งมีการแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดำเนินคดีกับน้องยู 


แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่สามารถดำเนินการใดได้เนื่องจากเป็นเยาวชนอายุแค่ 13 ปี ทุกวันนี้น้องยู เลยกลายเป็นที่รองมือรองตีนของในชุมชน โดยเมื่อทุกคนพบหน้าน้องอยู่ก็มีการเตะต่อยตีน้องอยู่อย่างโหดร้ายทารุณ จนล่าสุดน้องอยู่ได้รับบาดเจ็บบอบช้ำภายในต้องมานอนซมอยู่บ้าน 3-4 วัน และมีอาการท้องเสียอย่างรุนแรง ตนและญาติๆสงสารน้องยูหากปล่อยไว้น้องอยู่อาจจะถูกทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้ไม่วันใดก็วันหนึ่ง 

“ตนได้ปรึกษากับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจขอให้ช่วยนำน้องยู ไปบำบัดรักษายาเสพติด แต่ทราบว่าต้องมีค่าใช้จ่ายสูงมากแค่มารับตัวก็ต้องจ่ายเป็นหมื่น และจะต้องจ่ายรายเดือนเดือนละ 6,000-7,000 บาทจนกว่าจะหายเป็นปกติ แต่ตนไม่มีเงินมากพอที่จะส่งน้องยูไปบำบัดรักษา แต่หากปล่อยไว้อย่างนี้เกรงว่าน้องยูจะถูก ทำร้ายเสียชีวิตหรือติดยาเสพติดจนกลายเป็นคนวิกลจริตเสียผู้เสียคนเสียอนาคตไปเลยก็ได้ จึงตัดสินใจ ร้องเรียนขอรับการช่วยเหลือจากศูนย์ข่าวนคร 24ชั่วโมงสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราชดังกล่าว”

  ในขณะที่นายอาร์ม อายุ 36 ปี น้าเขย ของน้องอยู่ กล่าวว่า น้องยูมีนิสัยก้าวร้าว ไม่เชื่อฟังคำสั่งสอนของแม่และญาติ ๆ คนใดทั้งสิ้น จะมีเพียงตนคนเดียวที่น้องยูจะฟังและกรงกลัวอยู่บ้าง แต่ยอมรับว่า"ตนก็เอาไม่อยู่"เช่นกันตามปกติน้องอยู่จะมีความสามารถพิเศษในเรื่อง กีฬาฟุตบอล มวยไทยและยังมีความสามารถในการ ตีกลองชุดได้ด้วย สำหรับต้นตอของการมีพฤติกรรม ก้าวร้าวและชอบลักขโมยน้อยน่าจะมีต้นตอมาจากการตกเป็นทาสยาเสพติด ซึ่งตนคิดว่าน้องอยู่คงจะเริ่มเสพยาเสพติดมาได้ไม่นานไม่เกิน 1 ปีเชื่อว่าจะสามารถบำบัดรักษาให้หายขาดได้ แต่หากเข้ารับการบัดรักษาต้องมีค่าใช้จ่ายสูงเป็นหมื่น ทางนางจอย แม่น้องยูและญาติ ๆ คงไม่สามารถรับภาระค่าใช้จ่ายดังกล่าวได้อย่างแน่นอน

  ผู้สื่อข่าวพยายามพูดคุยสอบถามรายละเอียดกับน้องอยู่ ซึ่งในช่วงแรก ๆ น้องยู มีท่าทีหวาดกลัว และพยายามที่จะวิ่งหลบหนี ในขณะผู้สื่อข่าวพยายามเกลี้ยกล่อมและให้กำลังใจ ในที่สุดน้องยู จึงยอมพูดคุยกับผู้สื่อข่าวแต่ก็พูดน้อยมากโดยยอมรับว่าติดยาบ้าและเสพวันละหลายเม็ด หากวันใดไม่ได้เสพจะรู้สึกอยากหรือเสี้ยนยาเป็นอย่างมาก จึงจำเป็นต้องออกลักเล็กขโมยน้อยไปเรื่อย ๆ เพื่อหาเงินไปซื้อยาเสพติด จนถูกเจ้าทรัพย์รุมทุบตีทำร้ายจนสะบักสะบอมแต่ตนก็ทนได้ อย่างไรก็ตาม 3-4 วันหลังถูกทำร้ายจนต้องกลับมานอนซมที่บ้านตนไม่ได้เสพยาเสพติดเลย

   ผู้สื่อข่าวจึงถามว่ายินยอมที่จะเข้ารับการบำบัดหรือไม่น้องยูไม่ตอบ เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามถามซ้ำ และให้เหตุผลว่าหลังจากเข้ารับการบำบัดแล้วก็กลับมาฝึกกีฬา ดนตรีและฝึกมวยทางผู้สื่อข่าวจะให้การช่วยเหลือและเชื่อว่าหากน้องอยู่เลิกยาเสพติดได้ กลับมาเล่นดนตรีตีกลอง เล่นกีฬาหรือเป็นนักมวยก็น่าจะยึดเป็นอาชีพมีรายได้ และอาจจะมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่ยอมรับของคนทั่วไปได้ในอนาคต น้องยูจึงพยักหน้าจึงพยักหน้ารับที่จะเข้ารับการบำบัด.

ไพฑูรย์ อินทศิลา/ สายัณห์ ศรีใหม่/ นครศรีธรรมราช

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น