ผู้ว่าฯเมืองคอนสั่ง พม.ลงพื้นที่ช่วย “น้องยู”เหยื่อยาเสพติดวัย 13 ปี(มีคลิป)
ผู้ว่าฯเมืองคอนสั่ง พม.ลงพื้นที่ช่วย“น้องยู”เหยื่อยาเสพติดวัย 13 ปี-วางแผน 4 ขั้นตอนช่วยต่อเนื่อง-เตรียมนำตัวบำบัดรักษาเพื่อเลิกยาเสพติดเป็นลำดับแรก
หลังตากศูนย์ข่าว นคร 24 ชั่วโมงสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราชได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือ จากนางจ้อยอายุ 44 ปี อาศัยอยู่ในชุมชนหลังสถานีรถไฟ นครศรีธรรมราชเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช เพื่อให้ ช่วยประสานงานหาทางช่วยเหลือ ลูกชาย ของตัวเองชื่อ"น้องยู วัย 13 ปี ตกเป็นทาสยาเสพติด มีพฤติกรรมลักเล็กขโมยน้อย และถูกเพื่อนบ้านเจ้าทรัพย์ทุกตีทำร้าย ร่างกายอย่างต่อเนื่องได้รับบาดเจ็บอวัยวะภายในบอบช้ำ จนกลับมานอนซมอยู่บ้าน 3-4วันแล้ว
จึงอยากให้ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยื่นมือเจ้ามาช่วยนำ"น้องยู" ไปรักษาและ บำบัดฟื้นฟู อาการติดยาเสพติดอย่างเร่งด่วนต่อไป จึงลงพื้นที่ไปตรวจสอบ พบน้องยู นอนชมอยู่ที่บริเวณหน้าบ้านในสภาพร่างกายซูบผอมจนเห็นซี่โครง และมีรอยเขียวช้ำ ถึงเกิดจากการถูกทุกปีทำร้าย ตามร่างกายหลายแห่ง และยังมีอาการท้องเสียรุนแรงอุจจาระไหลต้องวิ่งเข้าออกห้องน้ำต่อเนื่อง โดยนางจอยและญาติ ๆ เกือบ 10 คน ต่างแสดงความดีใจที่ผู้ซื้อข่าวลงพื้นที่มาตรวจสอบช่วยเหลือ ตามที่เสนอข่าวมาแล้วนั้น
(13 ก.พ.)นายสมชาย ลีหล้าน้อย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชเปิดเผยถึงความคืบหน้าในการช่วยเหลือน้องอยู่ว่าได้สั่งการให้ นางสาวพิมพ์รภัช ทิพย์ชวานนท์ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครศรีธรรมราช เข้าไปตรวจสอบเพื่อหาทางช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน โดยนางสาวพิมพ์รภัช มอบหมายให้นายชัยวัฒน์ อนันทิโย นักสังคมสงเคราะห์ชำนาญการ รักษาการในตำแหน่งนักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ หัวหน้ากลุ่มการพัฒนาสังคมและสวัสดิการ นางสาวชนัญชิดา ตุลาพันธ์ ประธานชุมชนหลังสถานีรถไฟ และอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์อำเภอเมืองนครศรีธรรมราชลงพื้นที่ให้การช่วยเหลือ "น้องยู วัย 13 ปี จากการลงพื้นที่ปรากฏข้อเท็จจริง ซึ่งสภาพที่อยู่อาศัย โดยเช่าที่ดินการรถไฟปีละ 300 บาทปลูกบ้านมีลักษณะเป็นบ้านปูนชั้นเดียวหลังคามุงกระเบื้องสภาพไม่มั่นคง มีเครื่องใช้ไฟฟ้าตามความจำเป็น
โดยมีสมาชิกในครอบครัวอาศัยอยู่ด้วยกัน 5 คน ประกอบด้วย 1.นางสุจิตรา หรือจอย อายุ 44 ปี มารดาน้องยู ประกอบอาชีพเก็บของเก่าขาย รายได้ประมาณวันละ 200-300 บาท ,2.น้องยู อายุ 13 ปี เรียนจบชั้น ป. 6 , 3. ด.ญ.นันท์ (นามสมมุติ) อายุ 7 ปี น้องสาวต่างบิดาน้องยู ปัจจุบันศึกษาอยู่ชั้น ป.1, 4.น.ส.พร อายุ 52 ปี ไม่ได้ประกอบอาชีพ ซึ่งคนรักใหม่ของนางจอยมารดาน้องยู และ 5. เด็กหญิงแมว อายุ 6 ปี หลานของ น.ส.พร ปัจจุบันศึกษาอยู่ชั้นอนุบาล ซึ่งสภาพเศรษฐกิจครอบครัวมีภาระหนี้สินนอกระบบจำนวน 15,000 บาท ซึ่งกู้เงินนอกระบบมาเพื่อใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน โดยครอบครัวต้องการให้น้องยู เข้ารับการบำบัดยาเสพติด และหันกลับมาเล่นดนตรีหรือกีฬาซึ่งเป็นกิจกรรมที่เด็กชื่นชอบ
สำหรับแนวทางให้ความช่วยเหลือ 1.สนง.พมจ.นศ. ดำเนินการประสานฝ่ายปกครองและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการนำตัวเข้ารับการบำบัดยาเสพติด 2.สนง.พมจ.นศ.พูดคุยให้กำลังใจครอบครัว และร่วมกับครอบครัววางแผนดูแลเด็ก 3.พิจารณาช่วยเป็นเงินสงเคราะห์ตามระเบียบกระทรวง พม. 4.มอบเครื่องอุปโภคแก่ครอบครัวเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น
นางสาวสุจิตรา หรือจอย มารดาน้องยูหลังจากที่ ผู้สื่อข่าว ศูนย์ข่าวนคร 24 ชั่วโมงสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช ลงพื้นที่มาตรวจสอบข้อเท็จจริงและนำเสนอข่าวพร้อมรายงานให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชทราบทางท่านผู้ว่าราชการจังหวัดได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ปมลงมา พม.ลงมาพบ สอบถามข้อมูลต่าง ๆ และมอบเครื่องอุปโภคบริโภคช่วยเหลือเบื้องต้น โดยจะ กลับไปรายงานผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชและตรวจสอบหาโรงพยาบาลที่จะนำตัวเข้ารับการบำบัดรักษายาเสพติด ในเบื้องต้นตนและครอบครัวต้องขอขอบคุณ ศูนย์ข่าวนคร 24 ชั่วโมง สมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราชและผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช แต่ตนอยากให้เร่งดำเนินการนำตัวน้องอยู่ไปเข้ารับการบำบัด ยาเสพติดอย่างเร่งด่วน เพราะเห็นว่าในช่วง 3-4 วันที่ผ่านมาที่เขาได้รับบาดเจ็บและมีอาการป่วยกลับมานอน ที่บ้านมีอาการปวดท้องรุนแรงและถ่ายอุจจาระเหลวต่อเนื่อง
ล่าสุดก่อนที่เจ้าหน้าที่ พม.จะเข้ามาพบที่บ้านน้องยู มีอาการกำเริบรุนแรงจนต้องหามส่งโรงพยาบาลและนอนที่โรงพยาบาล 1 คืน แพทย์ได้ทำการช่วยเหลือรักษาพยาบาลจนอาการดีขึ้นจึงอนุญาตให้นำกลับมาบ้าน และทันทีที่มาถึงบ้าน น้องยู ได้หนีออกจากบ้าน ไปอยู่ที่ซอย 7 ซึ่งเป็นสถานที่มั่วสุมตามปกติ จนเมื่อเจ้าหน้าที่ พม.มาถึงบ้านทางประธานชุมชนหลังสถานีรถไฟ จึงไปตามกลับมาพบเจ้าหน้าที่ พม. โดยน้องยู ไม่ยอมพูดจาโต้ตอบใด ๆกับเจ้าหน้าที่ได้แต่นิ่งเงียบและไม่ยอมรับปากอะไรทั้งสิ้น ตนจึงเกรงว่าหากล่าช้าออกไป น้องยูจะกลับไปมั่วสุมเสพยาเสพติดและมีพฤติกรรมลักเล็กขโมยน้อยอีก
ทั้งนี้พบว่าในช่วง 3-4 วันดังกล่าวเขาไม่ได้เสพยาเสพติด จึงเชื่อว่าหากได้รับการบำบัดรักษาคงจะใช้เวลาในการเลิกยาเสพติดไม่นานและเลิกได้อย่างแน่นอน ส่วนเมื่อเลิกยาได้แล้ว จะสนับส่งเสริมให้เล่นกีฬา ฟุตบอล มวยไทย และด้านดนตรีเรื่องตีกลองชุด ก็ต้องดำเนินแบบค่อย ๆเป็นค่อย ๆไป “ตนยอมรับจริง ๆว่าน้องยูดื้อและก้าวร้าวตนและครอบครัวเอาไม่อยู่จริง ๆ” นางจอยกล่าวในที่สุด.
ไพฑูรย์ อินศิลา /นครศรีธรรมราช
13 ก.พ. 2568
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น