โฆษณา

จำนวนผู้เข้าชม

วิเคราะห์ เจาะลึก มุมมองการเมือง พบกับนายหัวไทรนักข่าวหัวเห็ด จาก ปลายด้ามขวานชายแดนใต้

วันพฤหัสบดีที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2565

หัวไทร..จับประเด็นร้อน.. ปชป.เลือดใหม่ไหลเข้า เลือดเก่าไหลกลับ….จริงหรือ

หัวไทร..จับประเด็นร้อน.. ปชป.เลือดใหม่ไหลเข้า เลือดเก่าไหลกลับ….จริงหรือ


ดร.ไพร  พัฒโน อดีตนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ และอดีตส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ข้อความร่าวยาวของลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์

       เนื้อหาใจความในโพสต์พร่ำรำพรรณถึงอดีต และยังรัก อาวรณ์ต่อพรรคประชาธิปัตย์แม้ปัจจุบันนี้


กราบเรียนสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ทุกท่าน...             


ผมได้ใช้เวลาในการตัดสินใจเรื่องนี้อยู่นานมาก ด้วยความรัก ความผูกพันที่มีต่อพรรคประชาธิปัตย์รวมตลอดถึงผู้ใหญ่ในพรรคหลายๆท่านที่ผมทั้งรัก ทั้งเคารพ และสุดแสนจะเกรงใจ....                                   


ครอบครัวของผมอยู่กับประชาธิปัตย์มากว่า 53 ปี ตั้งแต่สมัยคุณพ่อคือนายไสว พัฒโน และผมเองก็เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรในนามพรรคประชาธิปัตย์มาแล้ว 2 สมัย คือปีพ.ศ.2539 ถึง พ.ศ.2546 จึงเป็นเรื่องยากและยิ่งใหญ่มากในชีวิตของผมต่อการตัดสินใจครั้งนี้.....                                 


พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่ผมรัก และยังรักอยู่จนถึงตอนนี้แต่เส้นทางทางการเมืองบางครั้งมันไม่มีทางเลือกให้แก่เรามากนัก


ผมได้โทรศัพท์แจ้งให้ท่านหัวหน้าอภิสิทธิ์ทราบเป็นคนแรกในการตัดสินใจครั้งนี้ แต่ไม่กล้าหาญเพียงพอที่จะโทรศัพท์ไปหาท่านหัวหน้าชวนที่ผมรักและเกรงใจแบบสุดๆ แต่ในที่สุดผมก็ได้ตัดสินใจแล้วว่าจะลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์อย่างเป็นทางการเสียที 


ผมเกิดมาในครอบครัวนักการเมือง และมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างประโยชน์ให้เกิดขึ้นต่อพี่น้องประชาชนให้มากที่สุด หลังจากจบจากคณะนิติศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เมื่อปี 2530 ผมก็ได้ตัดสินใจแล้วที่จะเป็นนักการเมือง ไม่คิดที่จะรับราชการไปเป็นผู้พิพากษา อัยการ อธิบดีหรือผู้ว่าราชการจังหวัดเหมือนเพื่อนๆหลายๆคนในรุ่นเดียวกัน แต่ผมเกิดมาเพื่อรับใช้ประชาชนในฐานะตัวแทนของประชาชนเท่านั้นครับ และผมขอให้สัญญาต่อพี่น้องทุกท่านว่า ผมจะทำหน้าที่ตัวแทนของปวงชนชาวไทยให้ดีที่สุดครับ

      ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่ ดร.ไพรจะอาลัยต่อการเดินจากบ้านประชาธิปัตย์ไป เพราะประชาธิปัตย์กับพัฒโน ก็คือคนบ้านเดียวกัน

     ไสว พัฒโน ผผู้เป็นพ่อของ ดร.ไพร ก็เกิดทางการเมืองในบ้านประชาธิปัตย์ และเป็น ส.ส.ต่อเนื่องยาวนานถึง 8 สมัย จนพรรคประชาธิปัตย์ไว้วางใจให้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกนะทรวงมหาดไทยมาแล้ว

      ดร.ไพร ก็ก้าวตามพ่อมาอยู่บ้านประชาธิปัตย์อันอบอุ่น และได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.สงขลา ในนามพรรคประชาธิปัตย์ถึงสองสมัย ก่อนจะลาออกจาก ส.ส.ไปเล่นการเมืองท้องถิ่น โดยลงสมัครชิงเก้าอี้นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ และได้รับเลือกตั้งมาสองสมัย

      ครั้งการเลือกตั้งทั่วไป ส.ส.เมื่อปี 2562 ดร.ไพรลาออกจากนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่หวังจะย้อนกลับไปลงสมัคร ส.ส.อีกครั้ง แต่เกิดความผิดพลาดบางอย่าง ทำให้ ดร.ไพรไม่ได้ลงสมัคร

      ตั้งแต่นั้นมา ดร.ไพรเริ่มเดินออกห่างจากประชาธิปัตย์ ไปจับมือกับ พ.อ.(พิเศษ) สุชาติ จันทรโชติกุล แห่งพรรคพลังประชารัฐ คนสงขลารู้กันว่า ดร.ไพรช่วยพลังประชารัฐในการเลือกตั้งปี 2562 ไม่ได้ช่วยประชาธิปัตย์ ยิ่งการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ยิ่งชัดเจนขึ้นว่า ดร.ไพร จับมือช่วยผู้การฯชาติ ที่ลงสมัครในนามพรรคพลังประชารัฐ ไม่ได้ช่วยไพรเจน มากสุวรรณ์ ที่ลงสมัครในนามพรรคประชาธิปัตย์

       ในวงสนทนาของพรรคประชาธิปัตย์รู้กันมานานแล้วว่า ใจของ ดร.ไพรไม่อยู่กับประชาธิปัตย์แล้ว เพียงแต่ขั้นตอนยังไม่ยื่นหนังสือลาออกเท่านั้นเอง และมาถึงวันนี้ยิ่งชัดขึ้นว่า ดร.ไพรไม่มีที่ยืนในพื้นที่สงขลาในนามพรรคประชาธิปัตย์แล้ว ในการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สงขลา 8 คน กับการแถลงข่าวของเดชอิศม์ ขาวทอง รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ภาคใต้ ไม่มีชื่อ ไม่มีเงาของ ดร.ไพร หรือคนอื่นๆแห่งตระกูล “พัฒโน”

     “เลือดใหม่ไหลเข้า เลือดเก่าไหลกลับ” แม้จะมีข้อเท็จจริงอยู่บ้าง แต่ขาเชียร์ประชาธิปัตย์ร้องซีด…เพราะเห็นปรากฏเป็นข่าวมีเพียงผู้อาวุโสถูกลืม ไม่ให้ความสำคัญเดินออกไป สองวันมานี้ลาออกไปถึงสามคน นอกจาก ดร.ไพรแล้ว ยังมี “เอกนัท พร้อมพันธุ์” ตามมาด้วย “อภิชัย เตชะอุบล” ไม่นับก่อนหน้านี้อีกสิบกว่าคน ไม่ว่าจะเป็น “กรณ์ จาติกวณิชย์” พีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค นายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม ถวิล ไพรสณฑ์ หรือนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติเป็นต้น

      มองในมุมบวกก็อาจจะคิดว่าดี จะได้ถ่ายเลือดไปสู่คนรุ่นใหม่ สร้างพรรคใหม่ และเป็นธรรมชาติของพรรคการเมือง แต่ในมุมกลับกันเราไม่เห็นภาพชัดนักกับการเดินเข้าไปในพรรคของคนรุ่นใหม่ที่ดี เด่น ดัง

      เสียง “ยุบสภา” ดังก้องขึ้นมาเรื่อยๆ สามปีผ่านมา หลังการเลือกตั้งปี 2562 ที่ประชาธิปัตย์ พ่ายแพ้แม้สนามภาคใต้ และสนามกรุงเทพ เรายังไม่เห็นการจัดทัพที่เป็นเรื่องเป็นราว สร้างผลงานเรียกศรัทธาคืนมา เห็นแต่การเตรียมคนลงเลือกตั้ง ที่ยังไม่ลงรอยอย่างราบรื่นรัก

      ยังมีเสียงเอะอะโวยวายโครมครามมาจากหลังบ้าน สะท้อนว่า ภายในเองก็ยังไม่ลงรอยเป็นเนื้อเดียวกัน ไม่สามัคคีกันนัก


 #นายหัวไทร #ปชป #เลือดใหม่เลือดเก่า

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น