นายหัวไทร..จับประเด็นข่าวร้อน 76 ปี ปชป.สนิมเหล็กยังกัดกร่อนกินเนื้อ “ไตรรงค์”สะท้อนมุมที่น่ามอง
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ใครจะวาดฝัน หรือตั้งเป้าทางการเมือง เพราะการตั้งเป้าทางการเมือง จะนำไปสู่การวางแผน วางนโยบาย เพื่อเดินไปสู่เป้าหมาย
อย่างในการประชุมใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจัดขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ กรรมการบริหารพรรคบางคนก็ตั้งเป้าว่าเลือกตั้งตั้งหน้า ประชาธิปัตย์จะต้องได้ 80-100 ที่นั่ง ภาคใต้จากที่เคยตั้งเป้าไว้ 35 แต่อาจจะได้ 40 ด้วยซ้ำ
ยุทธศาสตร์ไม่ใช่แค่รักษาที่มีอยู่ แต่ต้องได้มากกว่า แต่ในความเป็นจริงจะบรรลุเป้าหมายหรือไม่ เป็นเรื่องภายในของพรรคประชาธิปัตย์ที่จะต้องจัดการ “ทำงานให้มาก พูดให้น้อย” กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ท่านหนึ่ง กล่าวกับ #นายหัวไทร
ถ้าไปมองวิธีคิดของจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็ไม่น่าจะผิด เพียงแต่จะทำได้ตามที่คิดและตั้งใจหรือไม่ จุรินทร์ มองว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
พรรคประชาธิปัตย์ได้ทำงานที่มีความก้าวหน้าไปมาก และมั่นใจว่าประชาธิปัตย์ไม่ได้เดินลง แต่กำลังเดินขึ้น ซึ่งต้องรักษาจุดนี้ไว้และเพิ่มเติมให้สูงขึ้นไปได้อีกภายใต้ความร่วมมือของเรา โดยปัจจัยที่จะนำไปสู่ความสำเร็จของประชาธิปัตย์ ประกอบด้วย
1. ผลงาน ซึ่งได้นับหนึ่งตั้งแต่ต้นว่า ยุคของพวกเราสมัยนี้ เราต้องเน้นการทำงาน เน้นการทำหน้าที่ทำให้เกิดผลสัมฤทธิ์ให้ประชาชนเห็นให้เป็นรูปธรรม และเมื่อเราร่วมรัฐบาลก็ทำสำเร็จชัดเจน อย่างน้อยเงื่อนไข 3 ข้อ ประกันรายได้ แก้รัฐธรรมนูญ การบริหารราชการด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เราทำครบ แม้มันจะไม่ได้ร้อย แต่มันก็ได้หลายเปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะประกันรายได้ถือว่าเกินร้อย แก้รัฐธรรมนูญแม้ยังไม่ได้ตามเป้าทั้งหมดแต่อย่างน้อยร่างเดียวที่ทำสำเร็จ และกำลังดำเนินการอยู่ก็เป็นร่างประชาธิปัตย์ของเรา และเราจะต้องเดินหน้าต่อไปเพื่อทำประเทศให้เป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น
2. ความเป็นเอกภาพ ก็มีความสำคัญและเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะนำเราไปสู่ความสำเร็จในอนาคต ซึ่งมาถึงวันนี้ความเป็นเอกภาพในพรรคประชาธิปัตย์ชัดเจน มีความกลมเกลียวร่วมมือร่วมใจกันชัดเจน และเราไปทางเดียวกัน อะไรที่เราเห็นไม่ตรงกัน ซึ่งแน่นอนไม่มีองค์กรประชาธิปไตยที่ไหนเห็นตรงกัน 100% เราไม่ใช่องค์กรเผด็จการ แต่สุดท้ายเรามีข้อยุติ ทุกคนก็เคารพมติพรรค เพราะฉะนั้นนี่คือจุดแข็งอีกจุดหนึ่งที่จะนำเราไปสู่ความสำเร็จ
3. อุดมการณ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเรายึดมั่น ไม่ทิ้ง และจะยึดมั่นต่อไป เพราะอุดมการณ์คือฐานของความเป็นเรา
“ถ้าเราไม่มีอุดมการณ์ เขวไปตามพรรคการเมืองบางพรรค หลายพรรค ด้วยวิธีการที่ไร้อุดมการณ์ เราก็จะเหมือนต้นไม้ที่ไร้ราก สุดท้ายมรสุมการเมืองมา 2 ยก ก็จอด ต้นไม้นี้มันก็ล้ม แต่ประชาธิปัตย์ไม่ล้ม อยู่ยั้งยืนยงมาวันนี้ได้เพราะรากลึก และพวกเราทุกคนช่วยกันรดน้ำพรวนดิน และยึดมั่นต่อมา เราถึงเดินมาจะครบ 76 และจะขึ้นปี 77 และจะอยู่ต่อไปชั่วฟ้าดินสลาย” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
4. ความเป็นสถาบันทางการเมืองที่ยั่งยืน ไม่ใช่เก่าแก่ พวกเราจะต้องช่วยกันทำต่อไปเพื่อให้ประชาธิปัตย์เดินหน้าไปสู่ความสำเร็จยิ่งๆ ขึ้นในยุคพวกเรา เพราะจุดนี้คือจุดที่ประชาชนเขาตอบรับเรา และเป็นปัจจัยสำคัญอันหนึ่งที่ทำให้เราประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งซ่อมที่ชุมพร และสงขลา เขาเลือกเราเพราะเขามั่นใจในความเป็นสถาบันทางการเมืองของประชาธิปัตย์
เข้าใจได้ว่าประชาธิปัตย์เองก็รู้อยู่ว่า เลือกตั้งปี 62 ผลเป็นอย่างไร สร้างรอยช้ำให้กับพลพรรคประชาธิปัตย์แค่ไหน จึงพยายามสร้างผลงาน เพื่อเรียกศรัทธาคืนมา แม้จะยังไม่เข้าตากรรมการ 100 % แต่ได้เห็นความพยายาม ซึ่งปีสุดท้ายของวาระสภาชุดนี้ พรรคประชาธิปัตย์ต้องทำงานหนักขึ้นกว่าเดิมมาก ต้องวางยุทธศาสตร์ให้ชัดในพื้นที่ที่ยังด้อยอยู่ ไม่ว่าจะเป็นภาคเหนือ ภาคอิสาน ภาคกลาง และกรุงเทพมหานคร ส่วนภาคใต้ถึงแม้นว่าจะยังตรึงอยู่ได้ แต่ยังไม่น่าภูมิใจนัก และไม่ควรละวางกับคู่แข่งที่รุกหนัก ไม่ว่าจะเป็นพลังประชารัฐ ภูมิใจไทย หรือพรรคใหม่ เช่น พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคเศรษฐกิจไทย และพรรคสร้างอนาคตไทย เป็นต้น
ที่สำคัญ ประเด็นที่จุรินทร์ยกมา คือความเป็นเอกภาพในองค์กร ซึ่งน่าจะหมายรวมถึงความรัก ความสามัคคีกันในพรรค วันก่อนยังได้ยินเสียงแผดก้องเข้าหู เมื่อสุนทร รักษ์รงค์ เสนอตัวลงเลือกตั้งในจังหวัดนครศรีธรรมราช มันสะท้อนให้เห็นว่า ในแต่ละจังหวัดยังมีคนพยายามทำตัวเป็นใหญ่ และบางจังหวัดก็ใหญ่มากๆ
ส่วนอุดมการณ์ของพรรคก็เช่นกัน กรรมการบริหารพรรคคงต้องไปอ่าน และทบทวนอุดมการณ์ของพรรคในยุคก่อตั้ง โดยควง อภัยวงค์ ซึ่งน่าจะชัดเจนเรื่องการต่อต้านคอรัปชั่น และปฏิเสธเผด็จการ กับสภาพที่เป็นอยู่ในปัจจุบันของประชาธิปัตย์ เอาอุดมการณ์ 2 ข้อนี้ก่อน ไม่ต้องไปลึกซึ่งอีกมากมายในเจตนารมณ์ของการตั้งประชาธิปัตย์ขึ้นมา
มันจะมีอะไรอยู่ในเนื้อใน แต่ก็น่ารับฟัง “อันวาร์ สาและ” ส.ส. ปัตตานี ประชาธิปัตย์ กลับตั้งคำถามไปยังจุรินทร์ 2 คำถามที่น่าสนใจ
1. ผมอยากรู้ว่าอนาคตพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นอย่างไร ? จะทำถูกให้เป็นถูก ผิดให้เป็นผิดหรือไม่ และจะเป็นตัวของตัวเองเพื่อยืนเคียงข้างประชาชนไหม ทางพรรคมีแนวทางที่จะพิสูจน์ให้ประชาชนเห็นและเชื่อถืออย่างไรได้บ้าง ? เพราะดูเหมือนว่าเราจะอยู่ฝั่งทหารและฟังคำสั่งของทหารมาตลอด ยิ่งอยู่นานเท่าไหร่ยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ว่า"พรรคประชาธิปัตย์สนับสนุนเผด็จการ" ผมตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องนี้และพยายามเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาให้พรรคมาโดยตลอด และนี่ก็คงเป็นความขัดแย้งระหว่างตัวผมกับผู้บริหารพรรค เพราะส่วนใหญ่คนในพรรคเห็นด้วยกับผมแต่ไม่กล้าพูด และมีเอกสารที่เป็นลายลักษณ์อักษรเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างชัดเจน
2. ในส่วนของส.ส. ที่มาจากประชาชนจำนวน 100 ที่นั่ง ตรงนี้เอามาจากไหน ? ผมขอยกตัวอย่างเช่น ภาคอีสานมี 2 คน ภาคเหนือมี 1 คน กทม.ไม่มีเลย แล้วภาคอื่น ๆ จะได้สักกี่คน ช่วยบอกวิธีการตรงนี้หน่อยได้ไหมครับ แล้วล่าสุดมี ใครก็ไม่รู้ออกมาประกาศไล่ ส.ส. ออกไปอีก โดยบอกว่าพรรคจะได้เจริญ แล้วถ้าสถานการณ์มันยังเป็นแบบนี้อยู่มันจะเจริญตามที่เขาพูดอยู่เหรอครับ และ 18 คนที่ออกไปเขาคืออดีต ส.ส. นะแล้วคนที่พูดแบบนี้น่ะ เขาเป็นใคร ? สุดท้ายนี้ผมขอถามอีกครั้งหนึ่งว่าจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์คืออะไร ไม่จำเป็นต้องตอบผมก็ได้ แต่ช่วยตอบและอธิบายเพื่อให้ทุกคนเข้าใจหน่อยสิครับ และหวังว่าคำถามที่ผมถามไปจะได้รับคำตอบนะครับ
เอาเป็นว่า อันวาร์ ได้ทิ่มแทงใจดำของจุรินทร์ และคนที่คาดหวังสูงแบบ “เสียบยอดอก” เป็นการทิ้งทวนแบบไม่รู้อนาคตของอันวาร์ว่าจะอยู่ไหน อยู่ที่เดิม หรือไปที่อื่น
มุมสะท้อนอย่างตรงไปตรงมาของผู้อาวุโสอย่าง “ไตรรงค์”ก็ต้องรับฟัง
“คนลาออกจากประชาธิปัตย์ฟ้องว่า ผู้บริหารใจแคบเอาแต่พวกพ้อง -ระแวง คนมีอำนาจชักใยอยู่เบื้องหลัง แนะรักพรรคต้องหนักแน่น ไม่ใช่ลาออกทิ้งไป”
ไตรรงค์ สุวรรณคีรี บรรยายว่า
“ในช่วงหลังคนลาออกจากพรรคไปหลายคน ต้องยอมรับว่าบางคนมาหาผมถึงบ้าน บางคนโทรศัพท์มาเล่า ผมได้ฟังแล้วก็รู้สึกว่าเขาเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจ ว่าการบริหารงานในพรรค ใจแคบ มีการดูเฉพาะกลุ่มคนของนายจุรินทร์ บางคนก็บอกว่าระแวงว่า ในช่วงสมัยของทั้งคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และคุณจุรินทร์ มีอำนาจแฝงชักใยอยู่เบื้องหลังที่มีอำนาจมากกว่า ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมรับฟังมา แต่สิ่งเหล่านี้อาจจะไม่ใช่เรื่องจริง หรือเกิดขึ้นจริงก็ได้ แต่เป็นสิ่งที่กินใจคนเหล่านั้น นายไตรรงค์กล่าว
จะจริงหรือไม่อย่างไร แต่เป็นประเด็นที่คนในพรรคประชาธิปัตย์ต้องนั่งลงตั้งสติ คิดอย่างตรึงตรอง และยอมรับความเป็นจริง
ความเป็นจริงว่า 76 ปีของประชาธิปัตย์ ก็ยังมีสนิมเหล็กกัดกร่อนพรรคอยู่
#นายหัวไทร #ประชาธิปัตย์
#76ปีปชป
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น