ขึ้นทะเบียนกับกยท.ไม่ยุ่งยาก! “ผอ.สะบ้าย้อย” ชี้สิทธิประโยชน์แนะ”ชาวสวนยาง”ไปสนง.ใกล้บ้าน
วันนี้เกษตรกรชาวสวนยาง
สามารถที่จะได้รับสิทธิประโยชน์สูงสุด จากสวัสดิการต่างๆ ที่การยางแห่งประเทศไทย
หรือ กยท. จัดสรรให้ เพียงแค่ขึ้นทะเบียนเป็น “เกษตรกรชาวสวนยาง”ืกับกยท.
แต่เกษตรกรชาวสวนยางบางท่านอาจจะไม่ทราบหรือไม่ได้ใส่ใจต่อสิทธิประโยชน์ดังกล่าวมากนัก
ทำให้มีเกษตรกรชาวสวนยางจำนวนไม่น้อยที่ไม่ได้รับผลประโยชน์ที่ควรจะได้รับ
นายเอกราช ดนยสกุล
ผู้อำนวยการการยางแห่งประเทศไทย สาขาสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา
ได้กล่าวถึงเรื่องการที่พี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับทางกยท. ว่า
เราต้องยอมรับว่าเกษตรกรชาวสวนยางหลายๆ
คนนั้นยังรับรู้สวัสดิการหรือสิทธิประโยชน์ต่างๆ
จากพระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทยไม่ทั่วถึงนัก
หากพูดถึงสวัสดิการเพื่อเกษตรกรชาวสวนยางนั้น
มี 2 ประเด็นสำคัญคือ ประเด็นที่ 1
สวัสดิการชาวสวนยางตามมาตรา 49(5) ไม่ว่าจะเป็น เงินกู้ยืมกรณีเสียชีวิต
กรณีต้นยางพาราได้รับความเสียหาย
อีกส่วนหนึ่งในเรื่องประกันภัยอุบัติเหตุกลุ่ม
ซึ่งสิทธิประโยชน์ตามพระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทย ไม่ได้มีเพียงแค่นี้
แต่ยังมีมาตรา 49(2), 49(3), 49(4), 49(5) และ 49(6) ที่เกษตรกรชาวสวนยางพารามีโอกาสได้รับสิทธิประโยชน์
“เกษตรกรชาวสวนยางจะได้รับสิทธิประโยชน์จากสวัสดิการมาตราอื่นๆ
ได้ ก็ต้องเริ่มจากการขึ้นทะเบียนเป็นเกษตรกรชาวสวนยางกับทางการยางแห่งประเทศไทย
ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ของผม คือ
เรื่องการไม่ให้ความสำคัญกับการขึ้นทะเบียนเป็นเกษตรกรชาวสวนยาง
หากเกษตรกรไม่ได้ขึ้นทะเบียนไว้ เมื่อเกิดปัญหาอันทำให้เกิดการสูญเสีย
สิทธิประโยชน์จากการยางแห่งประเทศไทยที่พร้อมจะชดเชย
เกษตรกรชาวสวนยางก็จะไม่ได้รับเลย” นายเอกราช กล่าว และว่า
“อีกกรณีหนึ่งคือ คนกรีดยาง
ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเกษตรกรชาวสวนยางพารา ยกตัวอย่าง
มีโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ซึ่งคนที่พึงจะได้รับสิทธิประโยชน์
คือเจ้าของสวนยางและคนกรีดยาง โดยคนกรีดยางบางท่านไม่มีบัญชี
แค่เพียงไม่มีบัญชีตรงนั้น บางท่านก็ไปที่กยท.
และบอกว่าขอเปลี่ยนเป็นเจ้าของสวนเปิดเอง ทำให้เงินในส่วนของประกันรายได้
จะเข้าสู่บัญชีของเจ้าของสวนยางอย่างเดียว คนกรีดยางก็จะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์
จึงขอถือโอกาสตรงนี้บอกพี่น้องชาวเกษตรกรชาวสวนยางว่า
เกษตรกรชาวสวนยางทั้งหลายที่มีเอกสารสิทธิ์ ควรจะไปขึ้นทะเบียนกับการยางแห่งประเทศไทยที่อยู่ในพื้นที่ภาคส่วนของท่าน
เพื่อรับผลประโยชน์ที่อาจจะเกิดขึ้นในกรณีที่มีความสูญเสียในอนาคต”
“โดยการเตรียมเอกสารเบื้องต้นสำหรับการขอขึ้นทะเบียนเป็นเกษตรกรชาวสวนยางนั้น
แบบฟอร์มการขึ้นทะเบียนเป็นเกษตรกรชาวสวนยาง สามารถค้นหาจากในอินเตอร์เน็ตได้
เพียงค้นหาว่า ‘แบบฟอร์มการขึ้นทะเบียนชาวสวนยาง’ หรือหากอยู่ใกล้สำนักงานการยางแห่งประเทศไทย
ก็สามารถไปขอแบบฟอร์มนี้จากสำนักงานได้ ต่อมาที่สำคัญคือ
ผู้นำชุมชนจะต้องเซ็นต์รับรองว่าเรามีสวนยางอยู่จริงๆ และแนบเอกสารส่วนบุคคลมา
ในส่วนเอกสารที่ดิน จะต้องแสดงตัวจริงพร้อมกับสำเนา
สำหรับเกษตรกรที่อาจจะกลัวว่าโฉนดที่ดิน
จะชำรุดและได้นำไปฝากธนาคารไว้ให้ธนาคารดูแล ท่านสามารถให้ธนาคารช่วยคัดสำเนา
และรับรองสำเนาให้ว่าอยู่ที่ธนาคารจริง”
“เพียงแค่นั้นก็สามารถดำเนินการได้
หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามจากเจ้าหน้าที่ที่สำนักงานได้
เพราะเจ้าหน้าที่พร้อมให้บริการเสมอ”
เนื่องจากเกษตรกรหลายๆ
ท่านมีข้อสงสัยในเรื่องผู้รับสวัสดิการ ในส่วนของเอกสารสำหรับทายาทนั้น นายเอกราช
อธิบายไว้ว่า การขึ้นทะเบียนเป็นเกษตรกรชาวสวนยางกับทางกยท. ความหมาย คือ
ไม่ใช่เฉพาะในส่วนของสิทธิ์สวัสดิการ ไม่ใช่ในส่วนของประกันชีวิต
การขึ้นทะเบียนเกษตรกรหลักๆ จะเป็นข้อมูลส่วนบุคคลและเป็นข้อมูลของแปลงยาง
จะไม่รวมถึงทายาทที่รับสิทธิ์ประกันชีวิต
ส่วนของการรับสิทธิ์ประกันชีวิต
สมมุติว่าในกรณีที่เกษตรกรไม่ได้ทำแบบฟอร์มไว้ก่อน ก็สามารถทำเอกสารให้ทายาทเซ็นต์ภายหลังได้
“สิ่งที่ผมอยากจะเรียนนั่นก็คือ
ผมมีความเป็นห่วงในเรื่องหลักๆ คือเกษตรกรหลายๆ
ท่านไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับการยางแห่งประเทศไทย
ไม่ใช่แค่เฉพาะสิทธิ์ของสวัสดิการมาตรา 49(5) แต่สิทธิ์ตามพระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทยวงเล็บต่างๆ
ก็จะไม่ได้รับเช่นกัน”
นายเอกราช กล่าวด้วยว่า สิ่งที่เป็นกังวลแทนพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยาง
คือ การละเลยกับการขึ้นทะเบียนเป็นเกษตรกรชาวสวนยาง
เพราะหากในวันใดวันหนึ่งที่เกษตรกรผู้นั้นเกิดประสบเหตุบางประการที่ไม่คาดคิดขึ้น
ทายาทก็ไม่สามารถจะได้รับสิทธิประโยชน์มาช่วยเหลือเยียวยาต่อไปในอนาคตได้
“ในพื้นที่เขตอำเภอสะบ้าย้อยที่ผมรับผิดชอบ
มีเกษตรกรที่อาจจะพูดได้ว่าขึ้นทะเบียนเกือบทั้งหมดแล้ว แต่ก็ยังมีอยู่เพียง 2
กลุ่มหลักๆ ที่ยังไม่ได้อยู่ในระบบทะเบียนคือ พ่อแม่ที่ทำยางร่วมกันทั้งสองคน
เป็นเกษตรกรชาวสวนยางทั้งคู่ แต่กลับกลายเป็นว่าคนขึ้นทะเบียนมีแค่เพียงคนเดียว
ทั้งๆ ที่ 2 คนมีอาชีพตรงนี้ร่วมกัน
ซึ่งในกรณีที่ต้องขึ้นทะเบียนทั้ง 2 คนนั้น สมมุติว่าหลายๆ
ท่านมีโฉนดมากกว่า 1 ใบอยู่แล้ว
ก็สามารถแบ่งโฉนดออกไปขึ้นคนละคนก็ได้ หรือในกรณีที่มีพื้นที่ในปริมาณมาก
ก็สามารถแบ่งขึ้นทะเบียนในพื้นที่แปลงเดียวกันได้”
“สิ่งหนึ่งที่เราอยากจะสื่อออกไปผ่านเกษตรกรชาวสวนยางคือ
ทุกคนที่ทำเกี่ยวกับยางพารา ควรจะไปขึ้นทะเบียนทุกคน ตามบทบาทหน้าที่ที่ตัวเองทำ
เพื่อรับผลประโยชน์อันที่ท่านควรจะได้รับ”
นายเอกราช กล่าว
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น