กยท. ไขข้อกระจ่าง
การชำระหนี้เงินกู้ยืมเกษตรกรชาวสวนยาง ม.49(5)
“เงินทุนกู้ยืมเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรชาวสวนยาง”
เป็นโครงการที่การยางแห่งประเทศไทย (กยท.)
จัดทำขึ้นเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางที่ประสบปัญหาในลักษณะต่างๆ ซึ่งเงินทุนกู้ยืมตัวนี้จะถูกแบ่งออกเป็นหลายๆ
กรณี ได้แก่ กรณีประสบภัยพิบัติ กรณีเพื่อการรักษาพยาบาลตนเอง
กรณีเพื่อปรับปรุงที่อยู่อาศัย ยานพาหนะและเครื่องมือใช้ในการประกอบอาชีพ
กรณีเป็นทุนในการประกอบอาชีพเสริม และกรณีอื่นๆ ตามที่ผู้ว่าการกำหนดโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทย
หากเกษตรกรผู้ที่มีความต้องการจะกู้ยืมเงินเพื่อนำไปใชัตามวัตถุประสงค์ต่างๆ
ดังที่ได้กล่าวมาแล้วไม่มีความรู้ความเข้าใจมากเพียงพอ
ปัญหาที่ตามมาหลังจากการกู้ยิมเงินไปแล้ว
ก็จะเป็นการชำระหนี้เงินกู้ยืมที่ไม่ถูกต้อง ดังนั้น การประชาสัมพันธ์รายละเอียดของสวัสดิการต่างๆ
จึงถือเป็นเรื่องสำคัญที่กยท. มุ่งมั่นจะให้ความรู้กระจายออกไปอย่างเต็มที่
เนื้อหาที่จะแสดงต่อไปนี้จะเป็นขั้นตอนการชำระหนี้เงินกู้ยืมเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรชาวสวนยาง
และวิธีการปฏิบัติงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการชำระหนี้ตามหลักการ ‘คู่มือปฏิบัติงาน
ตามระเบียบการยางแห่งประเทศไทย
ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการใช้จ่ายในสวัสดิการเพื่อเกษตรกรชาวสวนยาง พ.ศ.2560
ตามมาตรา 49 (5)’
การชำระหนี้เงินกู้ยืม
ผู้กู้ต้องชำระเงินพร้อมดอกเบี้ยเป็นงวดๆ
ให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาตามวัตถุประสงค์แห่งการกู้ แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกิน 2 ปี
และให้ดำเนินการดังนี้
1. งวดการชำระคืนเงินกู้ยืมทุกสัญญาให้มีผู้มีอำนาจอนุมัติเงินกู้ยืมเป็นผู้กำหนดให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการกู้ยืมเงินตามระยะเวลาในสัญญาเงินกู้ยืม
2. ผู้กู้ต้องชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ย
ตามงวดเวลาที่ระบุไว้ในสัญญาเงินกู้ยืม
3. กรณีเกิดเหตุสุดวิสัยหรือเหตุความจำเป็น เช่น
ภัยธรรมชาติ ภัยพิบัติ ภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจ
หรือเหตุอื่นตามที่การยางแห่งประเทศไทยเห็นสมควร
ให้เสนอผู้มีอำนาจอนุมัติพิจารณาขยายระยะเวลาการส่งใช้เงินกู้ยืมออกไปได้ตามความจำเป็นคราวละไม่เกิน
60 วัน ทั้งนี้
การขอขยายเวลาการส่งใช้จะต้องได้รับความยินยอมจากผู้ค้ำประกัน
การขอผ่อนผัน/ขยายเวลาชำระหนี้
ให้ผู้กู้ยืมที่ประสงค์จะขอผ่อนผัน/ขยายเวลาชำระหนี้
ยื่นเรื่องขอผ่อนผัน/ขยายเวลาชำระหนี้พร้อมเหตุผลต่อผู้มีอำนาจอนุมัติ
ก่อนหนี้จะถึงกำหนดชำระทั้งหมดหรือแต่ละงวด
ในกรณีที่มีเหตุสุดวิสัยหรือมีความจำเป็นอื่นอันมิใช่เกิดจากเหตุทุจริต
ซึ่งทำให้ผู้กู้ยืมเงินไม่สามารถส่งใช้คืนเงินกู้ยืมเมื่อถึงกำหนดใช้คืนตามสัญญาได้ให้ยื่นคำร้องขอผ่อนผัน/ขยายเวลาชำระหนี้ได้ตามข้อเท็จจริง
โดยมีหลักฐานประกอบเพื่อพิจารณาตามที่การยางแห่งประเทศไทยกำหนดให้ผู้มีอำนาจอนุมัติพิจารณาอนุมัติผ่อนผัน/ขยายเวลาการส่งใช้คืนเงินกู้ยืมและ/หรืองดการคิดดอกเบี้ย
ค่าปรับตามความสามารถในการส่งชำระหนี้ได้
การคิดอัตราดอกเบี้ย
อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2
ต่อปี หากผู้กู้ไม่สามารถชำระเงินกู้คืนได้ และติดต่อขอผ่อนผันการชำระหนี้
ให้ผู้ว่าการหรือผู้ที่ผู้ว่าการมอบหมายเป็นผู้พิจารณาผ่อนผันได้ตามเหตุผลหรือความจำเป็น
แต่ต้องมีระยะเวลาไม่เกิน 60
วันนับจากวันครบกำหนดชำระของงวดนั้นโดยไม่ให้ถือว่าผู้เป็นผู้ผิดนัด
ทั้งนี้การผ่อนผันการชําระหนี้จะต้องได้รับความยินยอมจากผู้ค้ำประกัน
การบอกเลิกสัญญา
ให้ผู้ว่าการหรือผู้ที่ว่าการมอบหมายสามารถบอกเลิกสัญญาเงินกู้ได้หากผู้กู้แสดงข้อความหรือหลักฐานอันเป็นเท็จในการขอกู้เงินและให้เรียกเก็บเงินกู้พร้อมดอกเบี้ยในอัตราสูงสุดตามกฎหมาย
พร้อมทั้งตัดสิทธิการได้รับเงินทุนกู้ยืมเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน
การติดตามการชำระหนี้/การเร่งรัดหนี้ค้างชำระ
การติดตามหนี้กรณีที่ผู้กู้ไม่ชำระเงินกู้ภายในระยะเวลาที่กำหนดให้มีพนักงานผู้รับผิดชอบการออกติดตามและรายงานให้ผู้ว่าการหรือผู้ที่ผู้ว่าการมอบหมายทราบความก้าวหน้าทุก
3 เดือน
1. หลังจากที่ผู้กู้ได้รับเงินไปแล้วประมาณ 1
เดือน
ให้พนักงานที่ได้รับมอบหมายไปตรวจสอบว่าผู้กู้นำเงินไปใช้ตามวัตถุประสงค์หรือไม่
พร้อมติดตามผลการดำเนินกิจกรรมอย่างสม่ำเสมอ
2. ให้การยางแห่งประเทศไทยที่อนุมัติเงินกู้ยืม
จัดให้มีระบบตรวจสอบและรายงานสถานการณ์ของลูกหนี้ทุกเดือน
และทำหนังสือแบบแจ้งให้ชำระหนี้เงินกู้ยืมตามแบบ งสก.5
ให้ผู้กู้ทราบล่วงหน้า 30 วัน
ก่อนวันครบกำหนดชำระหนี้ตามงวดที่ระบุไว้ในสัญญากู้เงิน
3. หากครบกำหนดการชำระหนี้ หรือครบกำหนดขอผ่อนผัน
หรือครบกำหนดขยายเวลาการส่งใช้หนี้ตามงวดที่ระบุไว้ในสัญญากู้เงิน
ให้ทำหนังสือแจ้งเตือนการชำระหนี้ครั้งแรกตามแบบ งสก.6
ด้วยการจัดส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับเป็นหลักฐาน
และสำเนาหนังสือแจ้งเตือนให้พนักงานกยท.
ที่รับผิดชอบเพื่อติดตามการรับหนังสือแจ้งเตือนกับผู้กู้ยืมเงิน
4. หากดำเนินการตามข้อ 3
แล้ว ผู้กู้ยังไม่ชำระหนี้ ให้ทำหนังสือแจ้งเตือนการชำระหนี้ครั้งที่ 2
ตามแบบ งสก.6
ด้วยการจัดส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับเป็นหลักฐานและสำเนาหนังสือแจ้งเตือนให้พนักงานกยท.
ที่รับผิดชอบ เพื่อติดตามการรับหนังสือแจ้งเตือนกับผู้กู้ยืมเงิน
5. หากดำเนินการตามข้อ 4
แล้ว กรณีผู้กู้ผิดนัดชำระหนี้ตามสัญญาโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร หรือพ้นกำหนดผ่อนผัน
และหรือพ้นกำหนดขยายเวลาการส่งใช้
ให้ถือว่าผู้กู้ผิดนัดและให้คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 7.5
ต่อปี และบังคับชำระหนี้ จากผู้กู้และผู้ค้ำประกัน
ในกรณีบังคับชำระหนี้จากผู้ค้ำประกันให้ส่งหนังสือบอกกล่าวไปยังผู้ค้ำประกันภายใน 60
วัน นับแต่วันที่ผู้กู้ผิดนัดไม่ชำระหนี้
6. กรณีมีเหตุอันควรเพื่อให้ความช่วยเหลือโดยการปรับลด
หรืองดอัตราดอกเบี้ยปรับ เป็นการดำเนินการเมื่อลูกหนี้ประสงค์จะใช้หนี้
และการยางแห่งประเทศไทยที่อนุมัติให้กู้ยืมเงิน เห็นว่าลูกหนี้ค้างชำระสมควรได้รับความช่วยเหลือในกรณีเช่น
ประสบภาวะขาดทุน ประสบภัยธรรมชาติ เป็นต้น
ให้บันทึกความเห็นและหลักฐานประกอบตามแบบการปรับปรุงโครงสร้างหนี้/ผ่อนผัน/ขยายเวลาชำระเงินกู้ยืมตามแบบ
งสก.7
เสนอต่อผู้ว่าการยางแห่งประเทศไทยเพื่อพิจารณาต่อไป
7. การขออนุมัติจำหน่ายลูกหนี้ออกจากบัญชีเป็นสูญ
เป็นการดำเนินการเมื่อลูกหนี้ชี้แจงเหตุผลอันพึงฟังได้
และการยางแห่งประเทศไทยที่อนุมัติเงินกู้ยืม
เห็นว่าหนี้ค้างชำระสมควรจำหน่ายลูกหนี้ออกจากบัญชีเป็น
สูญได้โดยถือปฏิบัติตามระเบียบที่การยางแห่งประเทศไทยกำหนด
8. สัญญากู้ยืมเงินที่ตกลงชำระเพื่อผ่อนทุนคืนเป็นงวดๆ
(หมายความรวมถึงกรณีส่งทั้งดอกเบี้ยพร้อมกับเงินต้นหรือผ่อนเฉพาะดอกเบี้ย)
มีกำหนดอายุความ 5 ปี นับแต่วันผิดนัด
กรณีตกลงชำระคืนครั้งเดียวทั้งจำนวนมีกำหนดอายุความ 10 ปี
นับแต่วันผิดนัด
8.1 กรณีลูกหนี้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ตามแบบงสก.8
ชำระหนี้ให้บางส่วน ชำระดอกเบี้ยต่อเจ้าหน้าที่ภายในกำหนดอายุความ
ทำให้อายุความสะดุดหยุดลง ให้เริ่มนับอายุความใหม่นับตั้งแต่เวลานั้น
8.2 กรณีสิทธิเรียกร้องขาดอายุความแล้ว
ต่อมาลูกหนี้ได้รับสภาพความรับผิดชอบโดยมีหลักฐานเป็นหนังสือ สิทธิเรียกร้องที่เกิดขึ้นใหม่มีกำหนดอายุความ
2 ปี นับแต่วันที่ได้รับสภาพความรับผิด
หนี้ค้างชำระ
เป็นระบบการเตือนลูกหนี้ค้างชำระที่ไม่ได้ชำระหนี้ตามงวด
การดำเนินการทางศาล
วัตถุประสงค์เพื่อดำเนินคดีกับลูกหนี้ที่ไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับ
ระเบียบ คำสั่ง หรือข้อกำหนดที่เป็นลายลักษณ์อักษร การดำเนินการทางศาล
มิใช่วิธีการแก้ไขปัญหาหนี้ค้างชำระ แต่เป็นขั้นตอนสุดท้ายของการเรียกเก็บหนี้
ซึ่งจะใช้กับลูกหนี้ที่มีปัญหามากและยากแก่การแก้ไขแล้ว
โดยเฉพาะลูกหนี้ที่มีความสามารถในการชำระหนี้แต่ไม่ยอมชำระหนี้ การฟ้องร้องดำเนินคดีจะต้องใช้เวลานานและเมื่อคดีสิ้นสุดแล้วจะได้นำทรัพย์สินมาขายทอดตลาดต่อไป
การคำนวณดอกเบี้ย ค่าปรับ และการชำระหนี้
ข้อ 1 การคำนวณดอกเบี้ยและค่าปรับ
1.1 การคิดดอกเบี้ยให้คิดดอกเบี้ยเงินกู้ยืมร้อยละ
2 ต่อปี โดยคำนวณตามเงินต้นคงเหลือเป็นรายวัน
1.2 กรณีผู้กู้ยืมเงินที่ผิดนัดการชำระหนี้งวดใด
ให้คิดค่าปรับในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีสำหรับเงินต้นในงวดนั้น
1.3
กรณีกู้ยืมเงินนำเงินกู้ยืมไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ของโครงการที่ขออนุมัติ
ให้การยางแห่งประเทศไทยที่อนุมัติเงินกู้ยืม
แจ้งให้ผู้กู้ยืมเงินส่งคืนเงินกู้ยืมทั้งหมดทันที และให้คิดค่าปรับในอัตราร้อยละ 7.5
ต่อปี นับจากวันที่ได้รับเงินกู้ถึงวันก่อนส่งใช้เงินกู้ยืม 1
วัน
ข้อ 2 การชำระหนี้เงินกู้
2.1 งวดการชำระคืนเงินกู้ทุกสัญญา
ให้ผู้มีอำนาจอนุมัติเงินกู้ยืมเป็นผู้กำหนดให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการยืมเงิน
ทั้งนี้ไม่เกินระยะเวลาตามสัญญาการกู้ยืมเงิน นับจากวันทำสัญญาเงินกู้เว้น
แต่กรณีพิเศษให้เสนอผู้มีอำนาจอนุมัติ
พิจารณาขยายเวลาการส่งใช้ออกไปได้ตามความจำเป็น แต่ไม่เกิน 1 ปี
และจะต้องได้รับความยินยอมจากผู้ค้ำประกัน
2.2 คู่กู้ยืมเงินต้องชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ย
ตามงวดเวลาที่ระบุไว้ในสัญญาเงินกู้ยืม
2.3 หากผู้กู้ยืมเงินไม่สามารถชำระเงินกู้ยืมได้
และติดต่อขอผ่อนผันการชำระหนี้ให้ผู้มีอำนาจอนุมัติเงินกู้ยืม
เป็นผู้พิจารณาผ่อนผันได้ตามเหตุผลหรือตามความจำเป็นแต่ต้องมีระยะเวลาไม่เกิน 60
วัน นับจากวันครบกำหนดชำระของงวดนั้น โดยไม่ให้ถือว่าเป็นผู้ผิดนัด
ทั้งนี้การผ่อนผันการชําระหนี้จะต้องได้รับความยินยอมจากผู้ค้ำประกัน
2.4
หากผู้กู้ยืมเงินผิดนัดการชำระหนี้ตามสัญญาโดยไม่มีเหตุผลสมควร
หรือพ้นกำหนดผ่อนผัน และหรือพ้นกำหนดขยายเวลาการส่งใช้
ให้ถือว่าผู้กู้ยืมเงินผิดนะ และให้บังคับชำระหนี้จากผู้กู้ยืมเงิน ผู้ค้ำประกัน
ในกรณีบังคับชำระหนี้จากผู้ค้ำประกันให้ส่งหนังสือบอกกล่าวไปยังผู้ค้ำประกันภายใน
60
วันนับแต่วันที่ผู้ผู้กู้ยืมเงินยืมเงินผิดนัดไม่ชำระหนี้
การจัดชั้นลูกหนี้เงินกู้ยืม
วิธีการจัดชั้นลูกหนี้เงินกู้เพื่อให้เกิดความสะดวกในการติดตามหนี้
จะจัดชั้นลูกหนี้เงินกู้ยืมโดยแบ่งกลุ่มตามประวัติการชำระหนี้ ดังนี้
1. ลูกหนี้ที่มีความรับผิดชอบไม่เคยผิดชำระหนี้
2. ลูกหนี้ที่มีประวัติการชำระหนี้ไม่สม่ำเสมอ
เคยออกหนังสือเตือนการชำระหนี้
3. ลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้ มีเจตนาไม่ชำระหนี้
ทั้งนี้การจัดชั้นลูกหนี้เงินกู้
อาจนำข้อมูลนี้มาพิจารณาช่วยเหลือลูกหนี้ค้างชำระ สมควรได้รับความช่วยเหลือในกรณี
เช่น ประสบภาวะขาดทุน ประสบภัยธรรมชาติ เป็นต้น
โดยสามารถให้ความช่วยเหลือโดยการปรับลด หรืองดอัตราค่าปรับ
ทั้งนี้อยู่ในการพิจารณาของผู้ว่าการยางแห่งประเทศไทย
การปรับปรุงโครงสร้างหนี้
ลักษณะหนี้ที่จะขอปรับปรุงโครงสร้างหนี้
มีดังนี้
1. หนี้ที่เกิดจากเหตุสุดวิสัย หรือดหตุความจำเป็น
เนื่องจากไม่สามารถดำเนินตามโครงการได้ เช่น สาเหตุจากภัยธรรมชาติ ภัยพิบัติ
หรือสาเหตุอื่นๆ ที่คณะกรรมการฯ เห็นสมควร
2. ต้องมีแผนปรับปรุงฟื้นฟูการดำเนินธุรกิจที่ชัดเจนและมีความเป็นไปได้
3. สมัครใจและยินยอมปฏิบัติตามเงื่อนไขเกี่ยวกับการปรับปรุงโครงสร้างหนี้
4. ลักษณะของหนี้ที่ไม่สามารถปรับปรุงโครงสร้างหนี้ได้
คือ มีที่เกิดจากการใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ หรือการทุจริต
วิธีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ให้ดำเนินการ
ดังนี้
1. คณะกรรมการพิจารณา คงดอกเบี้ย ลดอัตราดอกเบี้ย
หรืองดดอกเบี้ยตามความเหมาะสมของสาเหตุการผิดชำระหนี้
(ตามลักษณะหนี้ที่จะขอปรับปรุงโครงสร้างหนี้ข้อ 1)
2. นำเงินต้นคงเหลือพร้อมดอกเบี้ยเงินกู้ (ถ้ามี)
มาขยายระยะเวลาการชำระหนี้ออกไปตามความสามารถชำระหนี้ของลูกหนี้
และให้ทำสัญญาการกู้ยืมเงินพร้อมสัญญาค้ำประกันฉบับใหม่
ระยะเวลาชำระเงินคืนกู้ยืมที่ปรับปรุงโครงสร้างหนี้
ระยะเวลาการชำระคืนเงินกู้ยืมที่ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้ขยายเวลาได้ไม่เกิน
2 ปี
แนวทางปฏิบัติกรณีผู้กู้ยืมเงินขอปรับปรุงโครงสร้างหนี้
1. ต้องยื่นคำขอตามแบบ งสก.7
ต่อพนักงาน
2. ตรวจสอบเอกสาร
2.1 กรณีเอกสารไม่ครบถ้วนและ/หรือไม่ถูกต้อง
ให้แจ้งผู้ยื่นคำขอฯ ดำเนินการแก้ไขและจัดส่งเอกสารเพิ่มเติมให้ครบถ้วน
2.2 กรณีเอกสารถูกต้องครบถ้วนให้พนักงานผู้รับผิดชอบตรวจสอบและสัมภาษณ์ลักษณะของหนี้ของผู้ยื่นคำขอฯ
ว่ามีคุณสมบัติที่จะปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตามระเบียบฯ ที่กำหน
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น