สวนยางประสบภัย สบายใจ กยท.มอบเงินช่วยเหลือเกษตรกรถ้วนหน้า 3,000 บาท
ในพื้นที่จังหวัดสงขลานั้น
ประชาชนที่ประกอบอาชีพเป็นเกษตรกรชาวสวนยาง
มีอยู่เป็นจำนวนมาก
เรื่องของสภาพอากาศแทบจะเป็นปัจจัยหลักในการประกอบอาชีพเกษตรกร เกษตรกรชาวสวนยางจำต้องพบอยู่กับปัญหาจุกจิกที่เกิดขึ้นจากสภาพอากาศมากมาย
ไม่ว่าจะเป็นไฟไหม้สวนยาง น้ำท่วมสวนยาง หรือลมพายุที่ทำให้ต้นยางล้มเสียหาย
ส่งผลกระทบอย่างหนักหน่วงต่อการประกอบอาชีพในระยะยาว
ที่มีความจำเป็นต้องใช้ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาและฟื้นฟูสภาพสวนยางพารา
การยางแห่งประเทศไทย
หรือ กยท.
จึงมีสวัสดิการที่จัดสรรให้กับเกษตรกรชาวสวนยางที่ได้รับความเดือดร้อนในส่วนของสวนยางได้รับเหตุประสบภัย
ไม่ว่าจะเป็น อัคคีภัย อุทกภัย หรือวาตภัย ซึ่งในตัวคู่มือปฏิบัติงาน
ตามระเบียบการยางแห่งประเทศไทย ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการใช้จ่ายในการจัดสวัสดิการเพื่อเกษตรกรชาวสวนยาง
พ.ศ.2560 ตามมาตรา 49 (5) ได้กล่าวไว้ว่า
เงินช่วยเหลือแก่เกษตรกรชาวสวนยางกรณีสวนประสบภัย
มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือตามความจำเป็นเมื่อเกิดเหตุภัยพิบัติขึ้นในท้องที่
โดยมุ่งที่จะบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้าของเกษตรกรชาวสวนยางที่ประสบภัยในเบื้องต้น
โดยมิได้มุ่งเพื่อจะชดใช้ความเสียหายให้แก่ผู้ใด
โดยมีคุณสมบัติหรือเงื่อนไข
ดังต่อไปนี้
คุณสมบัติของเกษตรกรชาวสวนยางผู้ได้รับการช่วยเหลือ
1. เป็นเกษตรกรชาวสวนยางที่ขึ้นทะเบียนกับการยางแห่งประเทศไทย
2. เป็นเกษตรกรชาวสวนยางที่สวนยางประสบภัยจนเสียสภาพสวนยาง
(สวนยางประสบภัยที่มีต้นยางได้รับความเสียหายคราวเดียวกัน ไม่น้อยกว่า 20
ต้นต่อไร่ ในบริเวณที่ได้รับความเสียหาย
3.
ที่ดินสวนยางที่ประสบภัยต้องมีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมาย
ซึ่งในพื้นที่จังหวัดสงขลานี้มีเกษตรชาวสวนยางที่ประสบปัญหาเหล่านี้ค่อนข้างมาก
โดยเกษตรกรชาวสวนยางในจังหวัดก็มีทั้งเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนกับทางการยางแห่งประเทศไทยแล้ว
และอีกส่วนหนึ่งก็ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนไว้
ทำให้ไม่ได้รับการช่วยเหลือจากตัวสวัสดิการเพื่อเกษตรกรชาวสวนยาง ตามมาตรา 49
(5)
โดยบุคคลที่จะถูกกล่าวถึงในต่อไปนี้
เป็นเกษตรกรชาวสวนยางที่ได้ทำการขึ้นทะเบียนกับทางการยางแห่งประเทศไทยแล้ว
และได้รับเงินชดเชยเป็นการช่วยเหลือในกรณีที่สวนยางประสบภัย
นางสมใจ บุญเอื้อ
เกษตรกรชาวสวนยางอำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา ที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้กับทางกยท.
ได้รับผลกระทบจากเหตุอัคคีภัย เมื่อวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2562
โดยเหตุอัคคีภัยในครั้งนั้นทำให้ต้นยางพาราของนางสมใจ บุญเอื้อเสียหายไปประมาณ 84
ต้น และได้รับเงินช่วยเหลือเป็นจำนวน
3,000 บาท โดยเงินช่วยเหลือในส่วนนี้นางสมใจ บุญเอื้อ กล่าวว่า
ตนได้นำไปซื้อปุ๋ยเพื่อบำรุงรักษาต้นยางพารา
นางสมใจ บุญเอื้อ ยังกล่าวว่า
“รู้สึกภูมิใจที่ทางกยท.ได้เข้ามาช่วยเหลือในส่วนนี้
และขอกล่าวขอบคุณไปทางกยท.ที่ได้จัดสวัสดิการดังกล่าวเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางอย่างเราด้วย”
นายณรงค์
หมวกวัลย์ เกษตรกรชาวสวนยางอำเภอจะนะ
จังหวัดสงขลา ที่ได้ทำการขึ้นทะเบียนไว้กับทาง กยท.เมื่อปีพ.ศ. 2558
เป็นเกษตรกรอีกหนึ่งรายที่ประสบปัญหาสวนยางประสบภัย
นายณรงค์
หมวกวัลย์ ได้รับความเสียหายในส่วนของวาตภัย เมื่อไม่นานมานี้ คือ คืนวันที่ 3
สิงหาคม พ.ศ. 2563 ทำให้ต้นยางพาราล้มเสียหายไปจำนวน 21 ต้น
และได้รับเงินช่วยเหลือจากกยท.เป็นจำนวน
3,000 บาท
นายณรงค์
หมวกวัลย์ กล่าวว่า
“แม้จะได้รับการชดเชยไปส่วนหนึ่งแล้ว
แต่ก็ไม่ได้คุ้มค่านักเพราะต้นยางที่ล้มล้วนแล้วแต่เป็นต้นที่มีอายุเกิน 10
ปีซึ่งกำลังกรีด แต่ถึงกระนั้นก็ยังดีกว่า
ที่สามารถนำเงินตรงส่วนนี้ไปดูแลในส่วนที่เหลือได้ด้วยการจัดซื้อปุ๋ยมาบำรุงต้นยางพาราต้นอื่นๆ
”
และยังกล่าวอีกว่า
“รู้สึกพอใจที่ทางกยท.ได้ยื่นมือเข้ามาให้ความช่วยเหลือเรา”
นายบุญมา
วรรณะ เกษตรกรชาวสวนยาง อำเภอจะนะ
จังหวัดสงขลา ที่ได้ทำการขึ้นทะเบียนไว้กับทางกยท.มาประมาณ 3 ปี ซึ่งสวนยางพาราได้รับความเสียหายจากเหตุอัคคีภัย
โดยมีไฟไหม้จากแปลงอื่นลามมายังบริเวณพื้นที่ตน เสียหายไปประมาณ 3 ไร่ครึ่ง ในช่วงประมาณเดือนเมษายน ปีพ.ศ. 2563
ได้รับเงินเยียวยาเป็นจำนวน 3,000 บาท
นายบุญมา
วรรณะ กล่าวถึงเงินชดเชยที่ได้รับไว้ว่า
“นำไปซื้อปูนขาว
และปุ๋ยในการบำรุงต้นยางพารา ที่ยังเหลืออยู่”
นายบุญมา
วรรณะ ยังได้กล่าวไว้อีกว่า
“รู้สึกภูมิใจที่ทางกยท.ได้เข้ามาให้ความช่วยเหลือ
แม้จะไม่มากมายนัก เราเองก็ยอมรับได้ตามเงื่อนไขข้อตกลงแม้จะเสียหายไปค่อนข้างเยอะ”
นายพงศ์พนิต
ทองนวล นักวิชาการส่งเสริมการเกษตร 6
การยางแห่งประเทศไทย สาขานาทวี
ได้กล่าวถึงรายละเอียดเบื้องต้นของสวัสดิการชาวสวนยางตามมาตรา 49 (5)
ของพระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทย ในกรณีสวนประสบภัย ไว้ว่า
กรณีของสวนยางประสบภัย ทางการยางแห่งประเทศไทยนั้นก็มีหลักเกณฑ์ว่า
ต้องเป็นเกษตรกรชาวสวนยางที่ขึ้นทะเบียนกับการยางแห่งประเทศไทย และสวนยางต้องเสียหายเกิน
20 ต้นในการเกิดเหตุต่อหนึ่งครั้ง ทางกยท.จะมีเงินเยียวยาเป็นจำนวน
3,000 บาท
นายพงศ์พนิต ทองนวล ซึ่งเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบในเขตอำเภอนาทวี
ยังได้กล่าวเสริมไว้อีกว่า จริงๆ แล้วนั้น
ในเขตอำเภอนาทวีประสบภัยทางธรรมชาติหลายอย่างไปแล้ว ทั้งอัคคีภัย วาตภัย
และอุทกภัย ยกเว้นในเรื่องของศัตรูพืชหรือภัยแล้ง
ซึ่งจะได้รับการช่วยเหลือก็ต่อเมื่อประกาศเป็นเขตภัยพิบัติเสียก่อน
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น