โฆษณา

จำนวนผู้เข้าชม

วิเคราะห์ เจาะลึก มุมมองการเมือง พบกับนายหัวไทรนักข่าวหัวเห็ด จาก ปลายด้ามขวานชายแดนใต้

วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

เล่าเรื่องมุมมอง...ชีวิตททหารพราน..จังหวัดชายแดนภาคใต้


เล่าเรื่องมุมมอง...ชีวิตททหารพราน..จังหวัดชายแดนภาคใต้

   ผมเขียนบทความนี้ไว้ประมาณเกือบ ๔ ปีแล้ว บนเครื่องบิน ซี -๑๓๐ ขณะนำร่างทหารพราน ๒ นายที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้กลับบ้านของเขา
   


   เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่ผมได้ประสบและผมได้นำไปถ่ายทอดให้กับผู้ที่มีอำนาจในการพิจารณาสิทธิประโยชน์ให้กับทหารพราน ส่งผลทำให้มีการปรับปรุงฯ เกี่ยวกับเรื่องนี้หลายด้าน ในเวลาต่อมา

       ผมขอให้ทหารพรานที่เข้ามาอ่านบทความนี้ได้พึงระลึกถึงพี่น้อง เพื่อนพ้องของเราที่ได้สละชีวิตไปแล้วมากต่อมากในทั่วทุกภาคของประเทศว่า "การเสียสละของเขาเหล่านั้นนำมาซึ่งสิทธิประโยชน์ของพวกเราในวันนี้" และขอให้ช่วยกันรักษาเกียรติภูมิของ "ทหารพราน" โดยตั้งมั่นรักษาความดี  มีวินัย และ การเสียสละเพื่อประชาชน เอาไว้อย่างเหนียวแน่นด้วย เพราะต่อไปนี้คำว่า  "เกียรติภูมิของทหารพราน" คงขึ้นอยู่กับพวกเราแล้วล่ะ....

          “ภารกิจที่เต็มใจทำ แต่ไม่อยากทำ "    โดย...คน  บิน  ได้

      ในสำนักงานยามนี้ มีเพียงตัวผมและสิบเวรประจำกองบังคับการซึ่งปฏิบัติหน้าที่คอยรับรายงานข่าวสารประจำวันจากหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานต่างๆ ในพื้นที่เท่านั้น ด้วยกำลังพลส่วนใหญ่ลงไปรับประทานอาหาร ผมเองก็กำลังเก็บของบนโต๊ะให้เรียบร้อยเพื่อเตรียมตัวลงไปรับประทานอาหารเย็นเช่นกัน ระหว่างนั้นเองก็ได้ยินเสียงทางวิทยุโต้ตอบกันไปมา จับใจความได้ว่ามีทหารพรานชุดคุ้มครองเส้นทางและรักษาความปลอดภัยครู ถูกลอบวางระเบิดและซุ่มยิง เจ้าหน้าที่สื่อสารถามกลับไปถึงสถานการณ์ได้รับคำตอบว่า ขณะนี้ยังมีการยิงปะทะกันอยู่  ทราบขั้นต้นว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากแรงระเบิด ๒ นาย

       ท่าอากาศยานบินบ่อทอง คลาคล่ำไปด้วย ทหาร ตำรวจ และ ข้าราชการพลเรือน ในลานบินมีเครื่องบิน ซี – ๑๓๐ ของกองทัพอากาศ จอดรอเตรียมปฏิบัติภารกิจ เสียงเฮลิคอปเตอร์ของ "ชุดปฏิบัติการบินทหารบกอโณทัย"  ดังแว่วมาแต่ไกล เป็นสัญญาณว่าภารกิจของผมกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว


      นับตั้งแต่รับราชการมา ภารกิจในวันนี้เป็นภารกิจที่ผมภูมิใจและรู้สึกเป็นเกียรติที่สุด ที่ได้เป็นผู้แทนของทหารพรานทุกนายในจังหวัดชายแดนภาคใต้ นำพี่น้องของพวกเรา "กลับบ้าน"  เป็นภารกิจที่ผมเต็มใจทำ แต่ถ้าเป็นไปได้...ไม่อยากต้องทำอีก 

      ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานนายหนึ่งหันมากระซิบบอกชื่อ ”ทหารพราน” สองนายซึ่งเสียชีวิตวานนี้ และร่างของทั้งสองกำลังถูกนำมาทางเฮลิคอปเตอร์ว่าเป็นใครบ้าง


      น่าแปลก ตั้งแต่ได้รับรายงาน ผมไม่ลืมชื่อของเขาทั้งสองคนเลย ในวันนี้ ผมจะเป็นผู้นำร่างของทั้งสองกลับภูมิลำเนาของเขาด้วยตัวเอง 


     เกือบทุกวัน ในห้วงเวลาที่ประชาชนทั่วไปถือเป็นเวลาพักผ่อน  ผมชอบที่จะตระเวนเยี่ยมน้องๆ ทหารพรานที่ปฏิบัติภารกิจจรยุทธ์ในพื้นที่ ซึ่งกองร้อยทหารพรานมักจะแบ่งกำลังพลของตนเป็นชุดเล็กๆ กำลังพลกลุ่มนี้จะทำการลาดตระเวนไปในพื้นที่ปฏิบัติการตามที่หน่วยเหนือกำหนด คราวละ 3 ถึง 5 วัน จึงจะกลับเข้าที่ตั้งเพื่อฟื้นฟูกำลัง


      ทั้งนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มติดอาวุธของฝ่ายผู้ก่อเหตุรุนแรงลอบเข้ามาปฏิบัติการต่อเป้าหมายได้อย่างเสรี

      ผมมักสอบถามทหารพรานกลุ่มนี้เสมอๆ ถึงภูมิลำเนาเดิมของเขาว่าเป็นคนมาจากที่จังหวัดไหน  มีภรรยาแล้วหรือยัง ภรรยาทำงานอะไร มีบุตรกี่คน เรียนอยู่ชั้นอะไรแล้ว บิดามารดาใครเป็นผู้ดูแล ปัจจุบันบุคคลเหล่านี้อยู่กับใคร ฯลฯ  เพื่อสืบสภาพว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังเขามีความเป็นอยู่อย่างไร ในขณะที่ผู้นำครอบครัวต้องมาทำหน้าที่อยู่ห่างไกลและอันตรายเพียงนี้

       คำตอบที่ได้รับก็แตกต่างกันไปตามเหตุปัจจัยและวิธีการแก้ปัญหาของแต่ละคน จะมีอยู่เพียงคำถามเดียวที่แม้ว่าจะแตกต่างกันในวิธีการสื่อสารของแต่ละคนออกมาเป็นคำพูดเพื่อให้ผู้ถามได้รับรู้ แต่มันคล้ายคลึงกันในความหมายของคำตอบ คำถามนั้นคือ  “เพราะเหตุใดจึงมาเป็นทหารพราน”

    คำตอบที่ได้รับจากทหารพรานส่วนใหญ่ จะกล่าวทำนองเดียวกันว่า พวกตน รู้สึกสงสารพี่น้องชาวไทยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่กำลังได้รับความเดือดร้อนจากเหตุการณ์ความไม่สงบ ผู้บริสุทธิ์ ผู้อ่อนแอถูกลอบทำร้ายอยู่เนื่องๆ โดยเฉพาะผู้หญิงและเด็ก ทำให้เขาไม่อาจจะนิ่งดูดายอีกต่อไปได้

      ความสามารถที่เขาที่มีอยู่อาจช่วยทำให้ปัญหาดังกล่าวลดลงได้บ้างไม่มากก็น้อย การดำรงชีวิตของพวกเขาที่ผ่านๆ มาไม่ได้แต่ต่างจากบุคคลทั่วไปนัก แต่ในยามที่เขาได้สวมใส่เครื่องแบบสีดำ ในมือถืออาวุธเพื่อใช้มันปกป้องความสงบสุขของประชาชนในพื้นที่ นั่นคือภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ แม้ว่าบางครั้งอาจจำเป็นต้องแลกมาด้วยชีวิตก็ตาม

      “.....ความกลัวตาย มีด้วยกันทุกคนแหละครับ  แต่ในเมื่อเราเลือกแล้วที่จะมาทำงานที่นี่ แค่ได้เห็นรอยยิ้ม ได้ยินเสียงหัวเราะของเด็กนักเรียนในตอนเช้าๆ ระหว่างเดินทางไปโรงเรียน ความรู้สึกอุ่นใจของชาวบ้านเวลาออกไปตัดยาง เท่านี้เรื่องตายก็เรื่องเล็กแล้วครับ....” ทหารพรานนายหนึ่งกล่าวกับผมอย่างภูมิใจ บนใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม

      สำหรับร่างที่นอนสงบนิ่งอยู่ในหีบศพเบื้องหน้าของผมขณะนี้ คือหนึ่งในผู้ที่ผมเคยถามคำถามนั้น และคำตอบของเขายังคงก้องอยู่ในโสตประสาทของผมทุกคำ
      “ เมื่อก่อนเมียของผมโทรศัพท์มาหาเกือบทุกวัน ขอให้ผมลาออกจากทหารพราน  คนอย่างผมเรียนมาไม่มากถ้ากลับไปทำงานที่บ้าน อย่างดีก็คงเป็นได้แค่ยามเงินเดือนไม่เท่าไร เรื่องเกียรติยศชื่อเสียงไม่ต้องพูดถึง คงไม่มีใครรู้จักผมแน่ๆ ครับ ตอนนี้ เมียของผมเขาหอบเอาลูกกลับไปอยู่บ้านพ่อแม่ของเขาแล้ว ด้วยความน้อยใจ.......” 

         ไม่น่าเชื่อว่า วันนี้ผมต้องเป็นผู้นำเกียรติยศชื่อเสียงที่เขาต้องการไปมอบแก่ภรรยาและบุตรเพื่อประกาศว่า บุคคลอันเป็นที่รักของเขานั้น ได้ทำหน้าที่ตามที่ได้ตั้งใจไว้อย่างสมเกียรติของชายชาติทหารแล้วทุกประการ ตราบจนวาระสุดท้ายของชีวิต ซึ่งผมเองเต็มใจและรู้สึกว่ามันเทียบไม่ได้เลยกับการตอบแทนการทำหน้าที่ ”นักรบผู้กล้าหาญ” ของผู้ที่ทอดร่างอยู่ต่อหน้าของผม 


          ถ้าขอพรได้ ผมเลือกขอพรให้ผมหรือใครก็ตามไม่ต้องทำหน้าที่เช่นเดียวกันนี้อีก ทหารพรานทุกนายต้องกลับบ้านไปหา พ่อแม่ ลูกเมีย อยู่พร้อมหน้ากันอย่างมีความสุข ไม่ควรจะต้องกลับมาในลักษณะเช่นนี้

         “..คนไทย..” ไม่ว่าเชื้อชาติ  ศาสนา ใด  อุดมการณ์จะแตกต่างกันเพียงไร ก็ไม่ควรต้องมาจบชีวิตด้วยน้ำมือของ “คนไทย” ด้วยกัน
           ตราบใดที่ความสงบสุขยังไม่บังเกิด ผมเชื่อว่ายังมี "ทหารพราน" อีกมากรวมทั้งตัวผม ที่พร้อมจะสละชีวิตได้ทุกเมื่อ หากการสละชีวิตนั้นจะแลกมาซึ่งความผาสุกของพี่น้องในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

          เครื่องบิน ซี–๑๓๐ ลงแตะพื้นแล้ว น้องทหารพรานเพื่อนร่วมอุดมการณ์ทั้งสอง พี่ได้มาส่งน้องกลับสู่อ้อมกอดของ พ่อแม่ ลูกเมีย ที่น้องได้จากพวกเขาไปเป็นเวลานานแล้วนะ

          ต่างกันแต่เพียงวันนั้นน้องเดินจากพวกเขาไปทำหน้าที่ของทหารด้วยความภูมิใจ 
          ในวันนี้น้องกลับมาเพียงร่างที่ปราศจากลมหายใจ แต่เปี่ยมล้นไปด้วยเกียรติภูมิของนักรบผู้กล้าหาญอย่างที่น้องและเพื่อนทหารพรานทุกคนต้องการ

          ".. ปฐพีนี้ ขอน้อม ไว้สูงสุด            แด่บุรุษ แห่งชาย ชาติทหาร
หยาดโลหิต หลั่งไหล ดุจสายธาร        เป็นสะพาน ให้ชาติ ได้ก้าวเดิน
แม้ตัวตาย ไม่เสียดาย ซึ่งชีวิต              บุญลิขิต ใจอุทิศ ด้วยสรรเสริญ
ถึงความดี เป็นสีดำ จำเผชิญ               ความเจริญ ของชาติ ประกาศคุณ .." 

        หลับให้สบายเถิดน้องรัก พวกเรา “ทหารพราน” สัญญาว่า จะปกป้องความสงบสุขของพี่น้องชาวไทยบนแผ่นดินปลายด้ามขวานของเราไว้ด้วยชีวิต เช่นกัน

หมายเหตุ  
ขอบคุณผู้แต่งบทกลอนข้างต้น (ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นท่านผู้ใด) ไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น