โฆษณา

จำนวนผู้เข้าชม

วิเคราะห์ เจาะลึก มุมมองการเมือง พบกับนายหัวไทรนักข่าวหัวเห็ด จาก ปลายด้ามขวานชายแดนใต้

วันศุกร์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2560

นราธิวาส ตม.โก-ลกรวบแก๊งค์เรียกค่าไถ่ชาวอินเดียหนีหมายจับคาด่าน


นราธิวาส ตม.โก-ลกรวบแก๊งค์เรียกค่าไถ่ชาวอินเดียหนีหมายจับคาด่าน


                เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 7 ธ.ค. 60 ที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส พ.ต.อ.นพดล รักชาติ ผกก.ตม.จว.นราธิวาส พ.ต.ต.ธนากร สับประสาน สว.ตม.จว.นราธิวาส ร.ต.อ.ศรายุทธ ดำแป้น รอง สว.ตม.จว.นราธิวาส เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สุไหงโก-ลกและเจ้าหน้าที่ท่องเที่ยว กก.3 ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมตัวนายบาบลู ชาร์มา อายุ 35 ปี ชาวอินเดีย ที่เดินทางข้ามมาจากรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย เพื่อที่จะประทับตราหนังสือเดินทางข้ามมายังประเทศไทย ที่บริเวณด่านพรมด่าน อ.สุไหงโก-ลก ที่เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบพบว่า ใช้หนังสือเดินทางหรือพลาสปอร์ตปลอม และได้เปลี่ยนชื่อใหม่ แต่ยังคงรูปถ่ายเดิมติดไว้

              เมื่อเช็ดประวัติพบว่า นายบาบลู ชาร์มา ยังเป็นผู้ต้องหาหลบหนีหมายจับศาลอาญาที่ 892/2559 ลงวันที่ 10 สิงหาคม 2559 ในข้อหา ร่วมกับพวกกักขังหน่วงเหนี่ยวเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ ทำร้ายร่างกายผู้อื่นซึ่งเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ พยายามกรรโชกทรัพย์หรือฉ้อโกง



                จากการนำตัวมาสอบสวนในเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การับสารภาพว่า ก่อนหลบหนีไปอาศัยอยู่ในประเทศมาเลเซีย ได้หลบหนีการเดินทางไปฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ซึ่งเพื่อนร่วมขบวนการอีก 4 คน ถูกศาลตัดสินจำคุกคนละ 8 ปี 4 เดือน ที่ได้ร่วมกันหลอกลวงนายโคดาลาบ อนันธา ศรีนิวาส และนายอเล็กพานดิ ชาวอินเดีย ให้เดินทางมาทำงานที่ประเทศไทย

                  ก่อนที่จะร่วมกับพวกอีก 4 คน ที่ถูกจับกุมตัว มาเรียกค่าไถ่โดยการติดต่อไปยังญาติในประเทศอินเดียให้โอนเงิน แต่ถูกนายโคดาลาบ อนันธา ศรีนิวาส และนายอเล็กพานดิ วางแผนตลบหลังแจ้งเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้ที่โรงแรมย่านประตูน้ำ เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งดำเนินคดีในข้อหา เป็นบุคคลต่างด้าวใช้หรือมีหนังสือเดินทางปลอม เมื่อสิ้นสุดคดีเจ้าหน้าที่จะส่งตัวไปสถานีตำรวจนครบาลพญาไท เพื่อดำเนินคดีต่อในข้อหา ร่วมกับพวกกักขังหน่วงเหนี่ยวเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ ทำร้ายร่างกายผู้อื่นซึ่งเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ พยายามกรรโชกทรัพย์หรือฉ้อโกง

ขอบคุณข่าว.แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น