แม่ทัพภาค 4 เผย ‘ในหลวง’ ทรงห่วงประชาชน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

แม่ทัพภาค 4 เผย ‘ในหลวง’ ทรงห่วงประชาชน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

    มทภ.4 เผย 'ในหลวง' ทรงห่วงประชาชน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เน้นดูแลความปลอดภัย เชื่อไฟใต้ปีหน้าดีขึ้นดูจากตัวเลขท่องเที่ยวพุ่ง พร้อมกำหนดเซฟตี้โซน 13 อำเภอ ขณะที่ 'บิ๊กป้อม' อนุมัติตั้งโรงรับจำนำเพิ่ม ตัดวงจรการรับจ้างก่อเหตุป่วนในพื้นที่..

      วันที่ 30 ธ.ค. พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวถึง สถานการณ์ 3 จังหวัดชายแดนใต้ว่า เชื่อมั่นว่า สถานการณ์ภาคใต้ ในปี 61 จะดีขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งไม่ได้วัดจากสถิติการก่อเหตุ หรือการเสียชีวิตลดลง แต่พิจารณาจากเส้นทางจาก อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ไป อ.เบตง จ.ยะลา ตลอดสองข้างทาง มีร้านค้า รีสอร์ต ปั๊มน้ำมัน เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ปีที่แล้ว มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามา 2,000,000 ล้านคน ปีนี้ 4,400,000 ล้านคน โรงแรมที่จองเต็ม โดยเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ ถือเป็นสิ่งบอกเหตุว่าสถานการณ์ดีขึ้นอย่างแน่นอน

      อย่างไรก็ตาม ยืนยันจะดูแลความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของทุกคน ขณะนี้เรามีกำลังประจำถิ่น เป็นไปตามการเน้นย้ำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่จะให้ประชาชนดูแลกันเอง ทหารถอยกลับเข้ากรมกอง ตลอดจนถึงการดำเนิน การสามเหลี่ยมเศรษฐกิจต่อเนื่อง ตามนโยบายรัฐบาล เช่น หมู่บ้านไก่เบตง หมู่บ้านกบภูเขา และมีจุดพักรถตลอดเส้นทาง

     "ทั้งนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นห่วง เน้นให้ดูแลความปลอดภัยประชาชนในพื้นที่เป็นหลัก ซึ่งเราเป็นทหารของพระราชา พร้อมดูแลประชาชนในทุกโอกาส" พล.ท.ปิยวัฒย์ กล่าว

      สำหรับสถานการณ์ภาคใต้ ในปี 2561 จะอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจและจะดีขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งได้ทำหน้าที่ มทภ.4 ดูแลสถานการณ์ภาคใต้ได้ปีเดียว และทำได้ถึงขนาดนี้คิดว่าดีมากแล้ว อย่างไรก็ตาม เรายังเข้มข้นในงานด้านการข่าว เพื่อดูแลความปลอดภัยประชาชนในพื้นที่ ตลอดเวลาอยู่แล้ว นอกจากนี้กองทัพภาคที่ 4 ทำพื้นที่ปลอดภัย หรือ เซฟตี้โซน ไปแล้ว 13 อำเภอ ซึ่งไม่มีเหตุการณ์เกิดขึ้น

      พล.ท.ปิยวัฒน์ กล่าวต่อว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้อนุมัติให้ ตั้งโรงรับจำนำเพิ่มในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ เพื่อเป็นช่องทางให้ประชาชนนำสิ่งของมาจำนำ ลดทอนความเดือดร้อนทางด้านการเงินเฉพาะหน้า เพราะมองว่า เหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ บางส่วนมาจากความเดือดร้อน ของคนในพื้นที่ รับจ้างก่อเหตุเล็กๆ น้อยๆ ให้กลุ่มผู้เห็นต่าง เผื่อนำเงินมาใช้จ่าย เช่น ช่วงโรงเรียนเปิดเทอม ขณะนี้โรงรับจำนำมีเพียง อ.สุโหงโก-ลก จ.ปัตตานี และ จ.ยะลา

      อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ อยู่ระหว่างการดำเนินการของกระทรวงมหาดไทย เพื่อขอลัดขั้นตอน เนื่องจากการจัดตั้งโรงจำนำผ่านหลายขั้นตอนใช้เวลานาน และต้องมีคณะกรรมการ จึงได้ขอไปทางมหาดไทยว่า ให้โรงรับจำนำ อยู่ในกรรมการระดับผู้ว่าราชการจังหวัดอนุมัติจัดตั้ง ซึ่งภาคเอกชนพร้อมลงทุน และโรงรับจำนำจะไม่มีเรื่องดอกเบี้ย เพราะผิดหลักศาสนา แต่จะมีค่าธรรมเนียมเล็กๆ น้อยๆ ในการนำของไปฝากจำนำ