โฆษณา

จำนวนผู้เข้าชม

วิเคราะห์ เจาะลึก มุมมองการเมือง พบกับนายหัวไทรนักข่าวหัวเห็ด จาก ปลายด้ามขวานชายแดนใต้

วันพุธที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

แถลงข่าวชี้แจงข้อแท็จจริงขอความเป็นธรรมกรณีตำรวจอ้างทวงคืนที่ดิน 10 ไร่บนเกาะหลีเป๊ะ(ชมคลิป)

แถลงข่าวชี้แจงข้อแท็จจริงขอความเป็นธรรมกรณีตำรวจอ้างทวงคืนที่ดิน 10 ไร่บนเกาะหลีเป๊ะ(ชมคลิป)

         เมื่อวันที่15พ.ย.2560ผู้สื่อข่าวรายงานว่าข่าวตำรวจเปิดยุทธการเอาคืนพื้นที่10 ไร่ที่ตั้งอาคารที่พักสถานีตำรวจภูธรเกาะหลีเป๊ะทางหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ และอินเตอร์เน็ต ด้วยข้าพเจ้านายนิคม อิ่มใจ ทนายความและคณะพร้อมนายมานิตย์ กวีรัชต์ เจ้าของบันดาหยารีสอทร์ทและบันดาหยาวิลล่า ตั้งอยู่บนเกาะหลีเป๊ะจังหวัดสตูล ซึ่งมีสถานีตำรวจภูธรเกาะหลีเป๊ะ(เดิมศูนย์รักษาความปลอดภัยทางทะเล)ปลูกสร้างอยู่ในที่ดิน น.ส.3 เลขที่ 39 

      อันเป็นที่ตั้งรีสอร์ทได้ถูก พล.ต.อ.วีระชัย ทรงเมตตา รองผบ.ตรและคณะเกือบ 100 นายพร้อมอาวุธปืนกล,ปืนพกสั้น นั่งเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์จากฝั่งไปลงที่เกาะและไปแถลงข่าวที่สถานีตำรวจภูธรเกาะหลีเป๊ะติดกับรีสอร์ทว่าถูกนายทุนผู้มีอิทธิพลฟ้องขับไล่ตำรวจให้ออกจากที่ดินซึ่งเดิมมี 10 ไร่ เหลือเพียง 2 งาน และนายทุนได้เอาที่ดินนี้มาปลูกสร้างรีสอร์ท บัดนี้ศาลฎีกาพิพากษาให้ตำรวจชนะคดีจึงมาเรียกเอาคืนที่ดินเพื่อศักดิ์ศรีของตำรวจและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(รายละเอียดปรากฏตามภาพข่าว)

         นายมานิตย์ ฯ เห็นว่า แม้จะไม่กล่าวชื่อแต่ตำรวจทุกนายของสถานีตำรวจภูธรเกาะหลีเป๊ะรู้จักนายมานิตย์ ฯดี เพราะสนับสนุนกิจกรรมของตำรวจตลอดมา สาธารณูปโภคและอยู่ติดกัน การกล่าวอ้างให้ร้ายดังกล่าวทำให้เสียหายเพราะไม่เป็นความจริง คือนายมานิตย์ ฯไม่เคยเป็นผู้มีอิทธิพล และไม่เคยกลั่นแกล้งเจ้าหน้าที่และบุคคลใด ได้ประกอบอาชีพสุจริต ไม่เคยฟ้อง ขับไล่ตำรวจและทิ่ดินที่ปลูกสร้างรีสอร์ทนี้มี น.ส.3 ที่กรมที่ดินและกรมป่าไม้ได้รับรองว่าออกมาชอบแล้ว แต่เคยถูกหัวหน้าอุทยานฯแจ้งความดำเนินคดีเมื่อปี 2554 ขณะเริ่มก่อสร้างรีสอร์ทในที่ดินน.ส.3 เลขที่ 39,29 มาแล้ว

        และผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรเมืองสตูลมีคำสั่งไม่ฟ้องเพราะเป็นเจ้าของที่ดินและปี 2558 ก็ยังมาถูกหัวหน้าอุทยานมากล่าวหาว่าบุกรุกที่ดินอุทยานอีกครั้งนี้เหลือคงในที่ดินน.ส.3 เลขที่ 29 เพียงแปลงเดียวให้รื้อถอนอาคาร 2 ชั้น ยาว 66 เมตร 20 ห้องและร้านอาหาร,ครัว เนื้อที่ 6 ไร่ ต่อมาเมื่อรังวัดที่ดินแล้วคงเหลือ 3 ไร่ และรื้อถอนอาคารดังกล่าวเพียง 2 ห้องเท่านั้น

         ดังนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ใช้เจ้าของที่ดิน กรมป่าไม้ไม่เคยอนุญาตให้ใช้ที่ดินและนายมานิตย์ ฯไม่เคยฟ้องคดีตำรวจคำพิพากษาศาลฎีกามิได้พิพากษาว่าตำรวจเป็นเจ้าของที่ดิน หากแต่เข้ามาปลูกสร้างโดยสุจริตเพราะอุทยานตะรุเตาอนุญาตเท่านั้นจึงพิพากษายกฟ้องและปัจจุบันบ้านพักในที่ดิน 4 หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ใช้งานปล่อยทิ้งร้างประกอบกับแพ้คดีลูกหลานนางกิมตู้ หาญทะเล เจ้าของที่ดินเดิมจึงได้รื้อถอนออกไปโดยตำรวจและทหารเรือ ดังนั้น การนำคำพิพากษาฎีกามาอ้างเพื่อทวงคืนที่ดินของตำรวจจึงไม่เป็นความจริง

        อนึ่งที่รอง ผบ.ตร.กล่าวอ้างว่าขณะที่มาก่อสร้างบ้านพักปี 2532 ที่ดินเป็นทุ่งหญ้า ไม่มีผู้คนอาศัย ไม่เป็นความจริงเพราะปี 2535 ทางผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล ไปตรวจสอบการทำประโยชน์ในที่ดินแล้วพบว่ามีการปลูกพืชผลอาสินเช่น มะพร้าว 170 ต้นและคณะกรรมการขณะนั้นได้โค่นต้นมะพร้าวสุ่มตรวจ 6 ต้น นับอายุมะพร้าวโดยนักวิชาการมีอายุมากกว่า 56 ปี


     การออกน.ส.3 นายมานิตย์ ไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้อง การออกเอกสารเป็นการออกมาตั้งแต่ปี 2511 โดยนางกิมตู้ หาญทะเล(ชาวเกาะ) ซึ่งนายมานิตย์ ซื้อมาแล้วใส่ชื่อบุตรไว้ในน.ส.3 เมื่อปี 2552 และได้ยื่นขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมไว้กับนายทะเบียนเมื่อปี 2559 แล้ว


ขอบคุณสตูล // นิตยา แสงมณี

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น