นราธิวาส เปิดฤดู ตลาดทุเรียน พร้อม เปิดแบรนด์ ผลผลิตทางการเกษตร ขณะนี้เจ้าของธุรกิจส่งออกเผยปีนี้เป็นปีทองของทุเรียนในพื้นที่ คาดยังไม่พอกับความต้องการของประชาชน

นราธิวาส เปิดฤดู ตลาดทุเรียน พร้อม เปิดแบรนด์ ผลผลิตทางการเกษตร ขณะนี้เจ้าของธุรกิจส่งออกเผยปีนี้เป็นปีทองของทุเรียนในพื้นที่ คาดยังไม่พอกับความต้องการของประชาชน

      วันนี้ 5 ก.ย. 60  เวลา 11.00 น. นายสิทธิชัย  ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานเปิดกิจกรรมวันเปิดฤดู ตลาดทุเรียนจังหวัดนราธิวาส และเปิด แบรนด์ ผลผลิตเกษตรแปลงใหญ่จังหวัดนราธิวาส จัดขึ้นที่บริเวณตลาดกลางการเกษตรเพื่อการส่งออกภาคใต้ชายแดน ( ตลาดกลางจังหวัดนราธิวาส )  โดยมีกลุ่มเกษตรกร ข้าราชการในพื้นที่ และหน่วยงานเอกชนเข้าร่วมกิจกรรม  ทั้งนี้ในกิจกรรมมีการร่วมปาฐกถาการสร้างแบรนด์ผลผลิตการเกษตรเพื่อเพิ่มมูลค่า

        การนำแบรนด์สู่ท้องตลาด และการรักษาแบรนด์ โดยนักวิชาการด้านการตลาด  ตลอดจนมีการชี้แจงกระบวนการตลาดผลผลิตทุเรียนแปลงใหญ่ แบบประชารัฐ โดยผู้จัดการ บริษัท ซัน โฟรเซ่น ฟรีต จำกัด ( เป็นผู้ผลิตทุเรียนแปรรูปส่งออก )  พร้อมกันนี้ในกิจกรรมมีการร่วมลงนาม MOU ตลาดทุเรียน “ ประชารัฐ”  เพื่อวางระบบการรับซื้อผลผลิตทุเรียนทุกชนิด ทุกขนาด ไปจำหน่ายหรือแปรรูปเพิ่มมูลค่า         โดยมีภาคเอกชนเชื่อมต่อตลาดทุเรียนกับธุรกิจจากต่างประเทศอีกขึ้นตอนหนึ่ง

           สำหรับการเปิด แบรนด์ ผลผลิตเกษตรแปลงใหญ่จังหวัดนราธิวาส นั้นมีการจัดดำเนินการสร้าง      แบรนด์ขึ้นเพื่อสร้างความมั่นคงและมูลค่าเพิ่มทางการตลาด โดยจังหวัดมีการต่อยอดเพื่อพัฒนาโดยการสร้าง     แบรนด์นำสินค้าไปสู่ตลาด ประกอบด้วย การสร้างแบรนด์ ข้าวสุขภาพพิกุลทอง  เพื่อนำข้าวหอมกระดัง ข้าวซีบุกันตัน การสร้างแบรนด์ ลองกองเพชรนรา เพื่อนำลองกองแท้จากนราธิวาสไปสู่ตลาด และการสร้าง      แบรนด์ ทุเรียนช้างเผือกนรา เพื่อนำทุเรียนจากป่าร้อนชื้นบาลา – ฮาลา ในเขตจังหวัดนราธิวาส ไปสู่ตลาดนอก

         นายสิทธิชัย  ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า กิจกรรมที่จัดขึ้นในครั้งนี้ถือเป็นอีกแนวทางหนึ่งในการสร้างแนวทางการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร ซึ่งในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสนั้นที่ผ่านมาผลไม้มักจะมีผลผลิตออกมาพร้อมกันการพัฒนาต่อยอดจึงถือเป็นอีกแนวทางหนึ่งในการส่งเสริมให้เกษตรกรมีมูลค่าจากการเกษตรเพิ่มขึ้น อีกทั้งปัจจุบันนี้จังหวัดนราธิวาสมีกลุ่มภาคเอกชนเข้ามารับซื้อผลผลิต 

         โดยเฉพาะทุเรียนอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งออกไปต่างประเทศ ด้วยวิธีการแปรรูป ทำให้เกษตรกรในพื้นที่มีแหล่งตลาดในการส่งผลผลิตชัดเจน และยังมีการจ้างแรงงานในพื้นที่เข้ามาทำงานในรูปของโรงงานที่แปรรุปอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม สำหรับปีนี้เอง ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส   กล่าวถึงผลผลิตเกี่ยวกับผลไม้ด้านอื่นๆ ทั้ง ลองกอง มังคุด  เงาะ ซึ่งถือว่ามีปริมาณน้อยกว่าทุกปี จึงไม่น่าจะประสบปัญหาล้นตลาด แต่คาดอาจจะส่งผลต่อราคาผลไม้ในพื้นที่ได้ โดยเฉพาะลองกอง ซึ่งเป็นผลไม้ที่ขึ้นชื่อของจังหวัดนราธิวาส

             ขณะที่ด้านนายเจตน์ มาหามะ ประธารกรรมการบริษัท San Fronzen Fruit  (SFF) กล่าวว่า โดยภาพรวมสินค้าหลักในพื้นที่ จ.นราธิวาส ในขณะนี้ คือ ลองกอง ทุเรียน และมังคุด โดยในปีนี้ทางบริษัท       ซันฟร้อนเซ็น ฟรุ๊ต ได้รับออกเดอร์ทุเรียนจากตลาดนอก จำนวน 1,500 – 2,000 ตัน มังคุดปลอดสารพิษ 400 ตัน มังคุดธรรมดาอีก 400 ตัน ลองกองที่เป็นเนื้อลองกอง กับผลลองกองสดอีกจำนวนหนึ่งด้วย และทิศทางของผลไม้ จ.นราธิวาส ในปีนี้ไม่มีสินค้าล้นตลาดอย่างแน่นอน อีกทั้งยังได้ราคาที่จะสามารถช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ได้เป็นอย่างดีในระดับหนึ่ง หลังจากที่ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรตัวอื่นๆไม่มีราคา นอกเหนือจากทุเรียน มังคุดและลองกองมีราคาที่สูงขึ้นกว่าปีที่แล้ว

                ส่วนภาพรวมโดยเฉพาะทุเรียนในปีนี้ถือเป็นปีทองของทุเรียนและยังมีปริมาณไม่พอที่จะระบายลงตลาดด้วยซ้ำ เนื่องจากมียอดสั่งจากผู้บริโภคจำนวนมาก  เนื่องจากชาวเกษตรกรในพื้นที่มีการรวมตัวกันน้อยและไม่มีการรวมตัวกันเพื่อขาย จึงทำให้กลไกของตลาดกลางเพื่อการเกษตรเพื่อการส่งออกภาคใต้ชายแดนที่เป็นศูนย์กลางในการรวบรวมที่เอาคนซื้อบวกกับชาวสวนมาเจอกันที่ศูนย์แห่งนี้ แล้วมาร่วมมือกัน และคัดแยกว่าอันไหนที่เป็นเกรดส่งออก และเกรดไหนที่จะนำไปแปรรูป และเกรดไหนที่จะสามารถส่งไปยังตลาดไทย เช่น เซเว่นอีเลเว่น หรือกระจายไปในตลาดต่างๆโดยใช้พื้นที่ตลาดกลางใน อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส เป็นหลัก

 สำหรับวัตถุดิบที่เป็นทุเรียนแช่แข็ง มังคุดแช่แข็ง ลองกองแช่แข็ง และเงาะแช่แข็งจะถูกส่งออกไปยังประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์เป็นหลัก

      ขอบคุณข่าว.แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส