“ท่านผู้นำ” โปรดอย่าฉวยความผิดพลาดโจรใต้ไปสร้างความดีความชอบเกินงาม?! / ไชยยงค์ มณีพิลึก
ถ้า “อาร์เคเค” ชุดที่ปฏิบัติการปล้นรถยนต์จาก เต็นท์รถวังโต้ คาร์เซ็นเตอร์ ต.นาทวี อ.นาทวี จ.สงขลา สามารถ “ยิงทิ้ง” เจ้าของเต็นท์รถ และลูกจ้างรวม 4 ชีวิตได้สำเร็จตามแผนการ เชื่อว่าเมื่อวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา เสียงกัมปนาทจาก “คาร์บอมบ์” รวม 7 คัน จะต้องดังสนั่นเมืองในพื้นที่ของทั้ง จ.ปัตตานี และ จ.ยะลา อย่างไม่ต้องสงสัย
แต่เป็นเพราะพระสยามเทวาธิราชมีจริง จึงทำให้ “แผนการยิงทิ้งล้มเหลว” ทำให้เจ้าของเต็นท์รถ และลูกจ้างวิ่งหนีตายไปได้ 2 คน แล้วได้ไปแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ จึงทำให้มีเวลาในการ “ติดตามไล่ล่า” จนอาร์เคเคทั้งหมดต้อง “ทิ้งรถ” และ “ระเบิดรถทิ้ง” เพื่อหนีเอาชีวิตรอด แถมยังต้องสูญเสียไป 1 ชีวิต จากการต่อสู่กับเจ้าหน้าที่บริเวณจุดตรวจบ้านเกาะหม้อแกง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี
ครับผู้เขียนกำลังเขียนกล่าวถึงเหตุการณ์ก่อการรายครั้งใหญ่ และยังต้องถือเป็นครั้งแรกในรอบ 13 ปี ของการเกิดเหตุความรุนแรงละลอกใหม่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ นั่นคือ การที่ “อาร์เคเค” หรือ “โจรใต้” หรือ “แนวร่วม” ขบวนการแบ่งแยกดินแดน “บีอาร์เอ็นฯ” นำกำลังที่แต่งกายเลียนแบบทหารเข้า “ปล้นเต็นท์รถยนต์มือสอง” ที่บ้านวังโต้ ต.นาทวี อ.นาทวี จ.สงขลา แล้วนำรถยนต์ที่ปล้นไปได้ถึง 6 คัน พร้อมจับตัวเจ้าของเต็นท์รถ และลูกจ้างไปเป็นตัวประกันรวม 4 คน ก่อนที่จะไปยิงทิ้งในพื้นที่ ต.ห้วยปริง อ.เทพา จ.สงขลา
แม้ว่าแผนการก่อวินาศกรรมใหญ่ครั้งนี้จะไม่สำเร็จ แต่ก็ถือว่าเป็น “แผนการใหม่” และเป็นการ “คิดใหญ่” ของอาร์เคเคที่ไม่เคยมีมาก่อน
แม้ว่าในครั้งนี้การสูญเสียของเจ้าหน้าที่รัฐ และประชาชนจะเกิดขึ้นไม่มากนัก กล่าวคือ ลูกจ้างเจ้าของเต็นท์รถเสียชีวิตไป 1 ราย รถยนต์ถูกประกอบเป็นคาร์บอมบ์ และระเบิดไป 2 คัน บ้านพักตำรวจ สภ.มายอ จ.ปัตตานี ถูกคาร์บอมบ์เสียหายไปหลายหลัง พร้อมกับมีเจ้าหน้าที่บาดเจ็บเล็กน้อย 4-5 นาย ส่วนอาร์เคเคเสียชีวิตไป 1 ราย
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นต้องถือว่าเป็น “ความเสียหายอย่างมหันต์” ของฝ่ายความมั่นคง และต้องมีการ “วิเคราะห์” ถึงปฏิบัติการครั้งนี้ของอาร์เคเคอย่างละเอียด เพื่อจะได้หาทาง “ป้องกัน” ไม่ให้เหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นอีกในภายภาคหน้า
เพราะอย่างที่จั่วหัวไว้ก่อนหน้านี้ คือ ถ้าอาร์เคเคชุดนี้สามารถ “ยิงทิ้งเจ้าของเต็นท์รถและลูกจ้าง” ทั้ง 4 ตามแผนการที่วางไว้ได้สำเร็จ กว่าเจ้าหน้าที่ในพื้นที่จะรู้ว่ามีเหตุปล้นรถยนต์ และฆ่าคนตายเกิดขึ้นคงต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง และ “รถยนต์ทั้ง 7 คัน” ก็คงจะประกอบเป็นคาร์บอมบ์นำไป “ระเบิดเป้าหมาย” ทั้งที่เมืองยะลา และเมืองปัตตานีได้สำเร็จ ซึ่งคงจะดูไม่จืดอีกครั้งอย่างแน่นอน
ดังนั้น “ความสำเร็จ” ในการป้องกันเหตุครั้งนี้จึงไม่ใช่ “เจ้าหน้าที่เก่ง” แต่เป็นเพราะ “โจรทำงานพลาด” ต่างหากที่ทำให้รอดพ้นจากความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ไปได้
แต่ก็ต้องชื่นชมเจ้าหน้าที่ด้วยเช่นกัน ซึ่งหลังรับแจ้งเหตุได้ใช้วิธีการทั้งในด้าน “เทคนิค” ในการค้นหารถยนต์ที่ถูกปล้น รวมทั้งการติดตาม ไล่ล่า สกัดเส้นทางหลบหนีของอาร์เคเค จนทำให้ “โจรจนมุม” รถยนต์
ขอบคุณ คอลัมน์ : จุดคบไฟใต้
โดย...ไชยยงค์ มณีพิลึก
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น