โฆษณา

จำนวนผู้เข้าชม

วิเคราะห์ เจาะลึก มุมมองการเมือง พบกับนายหัวไทรนักข่าวหัวเห็ด จาก ปลายด้ามขวานชายแดนใต้

วันอังคารที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ยะลา เลขาธิการ ศอ.บต. ยืนยัน 2 ผู้บริหารระดับสูง ศอ.บต. ที่ปรากฏชื่อในบัตรสนเท่ห์ ถูกกลั่นแกล้ง ตรวจสอบแล้วไม่พบพฤติกรรมตามร้องเรียน

ยะลา เลขาธิการ ศอ.บต. ยืนยัน 2 ผู้บริหารระดับสูง ศอ.บต. ที่ปรากฏชื่อในบัตรสนเท่ห์ ถูกกลั่นแกล้ง ตรวจสอบแล้วไม่พบพฤติกรรมตามร้องเรียน 

     จากกรณี เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2560 ที่ผ่านมา  ได้มีหนังสือร้องเรียน ส่งไปยังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดยะลา เพื่อส่งถึงผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา  เรื่อง ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ประพฤติตัวไม่เหมาะสม  โดยมีข้อความในหนังสือ ว่า  กราบเรียน ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ที่เคารพอย่างสูง  ด้วยมีข้าราชการหญิงของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ได้รับความเดือดร้อน จากการกระทำที่ไม่เหมาะสมของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ของ ศอ.บต. (ระบุตำแหน่ง ในหนังสือ) 

     มีการลวนลามทำกริยาหมาหยอกไก่ ชอบเอาข้าราชการหญิงไปประดับบารมี และมีการซื้อบริการจากลูกจ้าง ซึ่งมีการข่มขู่และจ่ายเงินค่าตอบแทนให้ เช่น (ระบุชื่อ และตำแหน่ง  จำนวน 2 คน)  เอาลูกจ้างหญิงในสำนักงานไปเป็นเมียน้อย  นอกจากนี้ล่าสุด  ในการประชุมนอกสถานที่ ที่ อ.ละงู จ.สตูล เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2560  และที่ อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช  เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2560  ในการประชุมนอกสถานที่ ทั้งสองครั้ง มีนาย (ระบุชื่อ และตำแหน่ง จำนวน 2 คน) ได้กระทำเหตุการณ์ที่ไม่เหมาะสม คือ มีการบังคับให้ข้าราชการหญิงของ ศอ.บต. ไปนั่งดื่มเบียร์ด้วย ท่ามกลางข้าราชการที่เป็นมุสลิมเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม ขัดหลักศาสนา  และมีการสั่งให้ไปพบที่ห้องนอนของทั้งสองคน  หลังเลิกงานเลี้ยง โดยได้ข่มขู่ว่าถ้าไม่ไปจะเลิกจ้าง ไม่ให้ทำงานอีกต่อไป 

      ในหนังสือยังระบุอีกว่า การกระทำทั้งหมดที่กล่าวมา นับว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อข้าราชการหญิง และผิดต่อหลักศาสนาพุทธและศาสนาอิสลาม  ทั้งเป็นการใช้อำนาจหน้าที่ที่ไม่ถูกต้อง  มีการนำงบประมาณของทางราชการไปใช้แบบไม่ถูกต้อง ฟุ่มเฟือย  มีการจัดประชุมที่โรงแรมต่างๆ เฉลี่ยเดือนละสาม สี่ครั้ง เพื่อเบิกค่าอาหารและค่าโรงแรมเกินความจริง มีการนำรถยนต์ราชการไปใช้ส่วนตัว  จึงขอร้องเรียนให้ท่านได้กรุณาดำเนินการช่วยเหลือด้วย เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและเป็นที่ถูกต้องต่อการทำงานด้วย  โดยมีการลงท้ายในหนังสือด้วยข้อความ ขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูง  ข้าราชการหญิงของ ศอ.บต.   ซึ่งหนังสือดังกล่าวได้มีการเผยแพร่ผ่านสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2560 ที่ผ่านมา ตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น

    ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อวันที่ 29  สิงหาคม 2560  เวลา 11.30 น. ที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.)  นายศุภณัฐ  สิรันทวิเนติ  เลขาธิการ ศอ.บต. เปิดเผยว่า ตามที่มีข่าวดังกล่าวออกทางสื่อมวลชน ตนเองขอชี้แจงว่า หนังสือดังกล่าวเป็นบัตรสนเท่ห์ ไม่มีการลงชื่อผู้ร้องเรียน โดยหนังสือดังกล่าวมีการกล่าวอ้างถึงผู้บริหาร ศอ.บต. 2 ท่าน ว่า มีประเด็นเรื่องชู้สาว  ประเด็นที่สองคือ การให้ลูกจ้างที่เป็นชาวไทยมุสลิมดื่มเครื่องดื่มของมึนเมา ในการประชุมที่ อ.ขนอม

       ซึ่งเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นมานานแล้ว ได้มีการสอบข้อเท็จจริง ซึ่งผู้ที่ถูกกล่าวอ้างก็ให้ข้อมูลว่าไม่เป็นความจริง คือท่านแรกที่ถูกร้องว่าบังคับให้เด็กมุสลิมดื่มเหล้า และมีการลวนลาม บังคับขู่เข็ญว่าจะย้ายออกจากงาน ก็ไม่เป็นความจริง  ตนเองอยากเรียนว่า ศอ.บต. คือหน่วยงานหลัก ที่จะต้องทำความเข้าใจ ที่นี่มีการอบรมข้าราชการทุกปี ข้าราชการที่ย้ายมาใหม่ หรือมาบรรจุใหม่ ก้จะต้องมาอบรมที่นี่ทั้งสิ้น เพื่อไม่ให้มีการสร้างเงื่อนไข  เพราะฉะนั้นสิ่งที่เกิดขึ้น การร้องเรียนตามบัตรสนเท่ห์นั้น เป็นการใส่ร้ายกันมากกว่า


 “ส่วนเรื่องที่อ้างว่า ผู้บริหารทั้ง 2 ท่าน มีพฤติกรรม มีภรรยาน้อย ก็ไม่เป็นเรื่องจริง บัตรสนเทห์ดังกล่าว ถูกส่งไปยังจังหวัดยะลา  ซึ่งตามปกติ เรื่องบัตรสนเท่ห์ จะไม่ให้ความสนใจเท่าไหร่ เนื่องจากส่วนใหญ่จะเป็นการกลั่นแกล้ง ใส่ร้ายป้ายสีกัน   ส่วนใหญ่จะฉีกทิ้ง เว้นแต่ผู้ที่รับร้องเรียนเห็นว่า เหตุผลร้องเรียนนั้นมีความเป็นไปได้ แต่ผู้ร้องไม่ลงชื่อ เพราะกลัวอิทธิพล จึงจะรับพิจารณา แต่กรณีนี้ เป็นการร้องเรียนลอยลอยมากลั่นแกล้ง ทำให้ข้าราชการดีๆ เสียกำลังใจมาก  เพราะต้องเสียเวลาในการทำงาน ที่จะต้องมาแก้ข่าวว่าไม่เป็นความจริง  กรณีที่เกิดขึ้น ตนเองได้มีการสอบถาม ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ ทุกคนที่ไปในครั้งนั้น

      ทุกคนยืนยันว่าไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น จึงเชื่อว่าคนที่ร้องเรียนผ่านบัตรสนเท่ห์ คงมีความไม่พอใจส่วนตัว  ตนเองขอยืนยันว่า ทั้งสองท่านที่มีชื่อในบัตรสนเท่ห์นั้น ไม่มีพฤติกรรมตามที่ถูกใส่ร้ายแต่อย่างใด  อย่างกรณีมีการร้องเรียนว่า ออกจากขนอม ไปสตูล ก็พบว่า ผู้ถูกร้องเรียนก็ไม่ได้เดินทางไป จึงทำให้เชื่อว่าเป็นการใส่ร้ายกันมากกว่า เจตนาให้เกิดความไขว้เขว่ เสียกำลังใจกันมากกว่า หลังเกิดเหตุ ทั้งสองท่านก็รู้สึกเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ที่ไม่เป็นความจริง  เนื่องจากตนเองได้มีการสอบข้อมูลทั้งทางลับ และสอบทางเปิดเผย ก็ยืนยันว่าทั้งสองท่านไม่ได้มีพฤติกรรม ตามที่บัตรสนเท่ห์ใส่ร้ายแต่อย่างใด ไม่เป็นความจริง 

     ทั้งนี้ในเรื่องดังกล่าว ก็ถือว่า ได้ดำเนินการสอบข้อเท็จจริงเสร็จสิ้นไปแล้ว ไม่พบข้อมูลความผิดแต่อย่างใด  แต่อย่างไรก็ตาม หากผู้บังคับบัญชา ต้องการให้สอบข้อเท็จจริงใหม่ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสอง ก็ยินดีที่จะให้สอบข้อเท็จจริงอีกครั้งเลขา ศอ.บต. กล่าว

  ขอบคุณ  มูกะตา  หะไร ยะลา

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น