ภูเก็ต....เลขาธิการ
สรส.ภูเก็ตพร้อมคณะกรรมเดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนผ่าน
ผวจ.ถึงนายกรัฐมนตรี..
เมื่อวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ที่ผ่านมา
นายปริทรรศน์ รุ่งมี เลขาธิการ สรส.
สาขาภูเก็ตพร้อมคณะกรรมการเดินทางเข้ายื่นข้อเรียกร้องฯผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต
เพื่อส่งต่อไปยัง ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาโดยมีทางนายธนพงศ์ อรชร ผช.
สนง.สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดภูเก็ตทำหน้าที่รับมอบหนังสือฯเพื่อดำเนินการต่อ(หมายเหตุ
ในวันแรงงานสากลปีนี้ ทางผู้จัดงานไม่ได้บรรจุวาระการยื่นข้อเรียกร้องเข้าไป จึงต้องมายื่นภายหลัง)
ซึ่งมีข้อเรียกร้องจำนวน 10 ข้อ ดังนี้
1.รัฐต้องจัดให้มีรัฐสวัสดิการถ้วนหน้าที่มีคุณภาพให้ประชาชนทุกคนได้เข้าถึงอย่างเท่าเทียมโดยไม่เลือกปฎิบัติ
อาทิ ด้านสาธารณสุข
ประชาชนทุกคนเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพและไม่มีค่าใช้จ่าย
2.รัฐต้องกำหนดค่าจ้างแรงงานที่เป็นธรรมให้ครอบคลุมผู้ใช้แรงงานทุกภาคส่วน
อาทิ กำหนดให้มีโครงสร้างค่าจ้างและปรับค่าจ้างทุกปี
3.รัฐต้องให้สัตยาอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ
(ILO) ฉบับที่87ว่าด้วยเสรีภาพในการสมาคมและการคุ้มครองสิทธิในการรวมตัวกัินและอนุสัญญาฯฉบับที่
98
ว่าด้วยการปฎิบัติตามหลักการแห่งสิทธิในการรวมตัวและการร่วมเจรจาต่อรองเพื่อสร้างหลักประกันในการรวมตัวและการเจรจาต่อรองและอนุสัญญาฯ
ฉบับที่ 183 ว่าด้วยการคุ้มครองความเป็นมารดา(ตามรัฐธรรมนูญ หมวด 3 มาตรา 48)
4.รัฐต้องปฎิรูปรัฐวิสาหกิจเพื่อให้เกิดการพัฒนาศักยภาพรัฐวิสาหกิจ
ในการให้บริการที่ดีมีคุณภาพเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน อาทิ
จัดตั้งกองทุนพัฒนารัฐวิสาหกิจ
5.รัฐต้องยกเลิกนโยบายที่ว่าด้วยการลดสวัสดิการพนักงานรัฐวิสาหกิจและครอบครัว
6.รัฐต้องปฎิรูประบบประกันสังคม เช่น
จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม ในสัดส่วนที่เท่ากัน ระหว่างรัฐนายจ้าง
ลูกจ้างตามหลักการของพรบ.ประกันสังคมพ.ศ.2533 และ
นำเงินส่งสมทบที่รัฐบาลค้างจ่ายให้เต็มตามจำนวน เพิ่มสิทธิประโยชน์
ผู้ประกันตนมาตรา 40 ให้เท่ากับมาตรา 33 เป็นต้น
7.รัฐต้องดูแลให้มีการปฎิบัติตามและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด
กรณีที่นายจ้างไม่จ่ายค่าชดเชยตามกฎหมาย เช่น การปิดกิจการ
หรือยุบเลิกกิจการในทุกรูปแบบ(ตามรัฐธรรมหมวด 5 มาตรา 53)
8.รัฐต้องจัดตั้งกองทุนประกันความเสี่ยงจากการลงทุนโดยให้นายจ้างจ่ายเงินเข้ากองทุนเพื่อเป็นหลักประกันในการคุ้มครองสิทธิแรงงานเมื่อมีการยกเลิกหรือเลิกกิจการไม่ว่ากรณีใดก็ตาม
9.รัฐต้องเร่งรัดให้มีการพัฒนากลไกการเข้าถึงสิทธิการบังคับใช้พ.ร.บ.ความปลอดภัยอาชีวอนามัยและสภาพแวคล้อมในการทำงาน
พ.ศ.2554 อย่างจริงจัง
10.รัฐต้องจัดสรรเงินงบให้กับสถาบันความปลอดภัยฯเพื่อใช้ในการบริหารจัดการเรื่องความปลอดภัยให้มีประสิทธิภาพ
โดยทางผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีจะนำเอกสารที่ทางกลุ่มผู้ใช้แรงงานยื่นเสนอมาส่งต่อท่านนายกรัฐมนตรีต่อไป
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
กิตติศักดิ์ ประดับศรี
ทศพร ก้อนแก้ว รายงาน
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น