โฆษณา

จำนวนผู้เข้าชม

วิเคราะห์ เจาะลึก มุมมองการเมือง พบกับนายหัวไทรนักข่าวหัวเห็ด จาก ปลายด้ามขวานชายแดนใต้

วันจันทร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

(มีคลิป) สตูลประกวดบุหงาตือเลาะสืบสานประเพณีมุสลิม




(มีคลิป) สตูลประกวดบุหงาตือเลาะสืบสานประเพณีมุสลิม    

          
         วันที่ 8พ.ค.2560ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายธานี  ฮะยีมะสาและ  นายอำเภอละงู จ.สตูล จัดกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม  เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์แห่งความสมานฉันท์ ร่วมมือร่วมใจ และสืบสานวัฒนธรรมอันดีงามในพื้นที่อ.ละงู จึงจัดกิจกรรมประกวดเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประกวด บุหงาตือเลาะหรือดอกไม้ไข่  โดยทำการประกวดกันบริเวณหน้าที่ทำการอ.ละงู  ซึ่งแต่ละหมู่บ้านได้จัดทำบุหงาตือเลาะหรือดอกไม้ไข่ได้อย่างสวยงาม ส่งเข้าประกวดทั้งหมด 30 ทีม


          สำหรับบุหงาตือเลาะ หรือดอกไม้ไข่นั้น  จะนำไข่ไก่มาต้มให้สุกจากนั้นนำมาห่อด้วยกระดาษอย่างสวยงาม บางแห่งอาจะใช้ผ้า ขั้นตอนการห่อไข่นั้นไม่ยาก แต่จะยากอยู่ที่ขั้นตอนการประดิษฐ์เป็นรูปดอกไม้ต่าง ๆบางหมู่บ้านนำมาตกแต่งติดกากเพชร  ทำเป็นดอกไม้ ทำเป็นรูปต่างๆ เช่นของบ้านท่ายาง นำไข่มาทำเป็นลูกจาก บ้านหัวทางนำมาทำเป็นเรือ  มัสยิดเกาะยวน ทำเป็นโดมมัสยิด ซึ่งแต่ละหมู่บ้านประดิษฐ์ออกมาถ่ายทอดความเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละหมู่บ้าน แตกต่างกันไป บางหมู่บ้านเน้นสวยงาม บางหมู่บ้านจะเน้นการแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ บ้างก็ทำเป็นต้นมะเขือ บ้างก็ทำเป็นหมาก ล้วนสวยงามแทบดูไม่ออกว่าประดิษฐ์มาจากไข่ต้ม  ทั้งนี้หลักเกณฑ์การตัดสินจะมีคะแนนความสวยงาม  ความคิดสร้างสรรค์  ตรงต่อเวลา 


        นางฮาบีด๊ะ  นาเคณฑ์  อายุ 42 ปี อยู่เลขที่ 8 ม.5 ต.ละงู อ.ละงู บอกว่าเรียนรู้การทำบุหงาตือเลาะหรือดอกไม้ไข่มาจากแม่  
 ซึ่งบุหงาตือเลาะนั้นเป็นประเพณีมุสลิมที่สืบทอดกันมายาวนาน  ถือเป็นวัฒนธรรมอิสลามที่มีมานานแล้ว ส่วนใหญ่จะทำในพิธีตำมัตกุรอ่าน หรือการจบการอ่านคำภีร์เมื่อเด็กอ่านคำภีร์อัลกุรอ่านจบเล่มก็จะมีพิธีตำมัตหรือขอบคุณคุณครู ดอกไม้ไข่ก็จะมีการจัดขึ้น  นอกจากนี้งานเมาลิดหรือรำลึกวันประสูติของศาสดามูฮำหมัด หรืองานแต่งงานก็จะใช้บุหงาตือเลาะหรือดอกไม้ไข่เช่นกัน  การทำไม่ยากแต่ยากที่การตกแต่งให้สวยงาม ดีใจที่ทางอำเภอได้จัดโครงการนี้ขึ้นมา


        นอกจากเป็นการสืบสานวัฒนธรรมมุสลิมแล้วยังแสดงออกถึงความร่วมแรงร่วมใจและความรักสามัคคีของคนในชุมชนหมู่บ้านด้วย
        ขอขอบคุณ  นิตยา แสงมณี // สตูล

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น