โฆษณา

จำนวนผู้เข้าชม

วิเคราะห์ เจาะลึก มุมมองการเมือง พบกับนายหัวไทรนักข่าวหัวเห็ด จาก ปลายด้ามขวานชายแดนใต้

วันอังคารที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ประจวบคีรีขันธ์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติลงพื้นที่พบปะตัวแทนชาวบ้านไทยพลัดถิ่นมุสลิมหลังถูกทางการเมินนาน 5 ปี


 ประจวบคีรีขันธ์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติลงพื้นที่พบปะตัวแทนชาวบ้านไทยพลัดถิ่นมุสลิมหลังถูกทางการเมินนาน 5 ปี

         ที่ศูนย์ฝึกอบรมนักศึกษาคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ตำบลห้วยยาง อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นางเตือนใจ ดีเทศน์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประธานอนุกรรมการด้านสถานะบุคคลสิทธิกลุ่มชาติพันธุ์ และชนเผ่าพื้นเมือง พร้อมด้วยนางปรีดา คงแป้น กรรมการรับรองความเป็นคนไทยพลัดถิ่นกรมการปกครองกระทรวงมหาดไทย นายสงบ นามวิชัย ผู้อำนวยการกลุ่มงานคุ้มครองสิทธิมนุษยชน 4 สำนักคุ้มครองสิทธิมนุษยชน สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พร้อมด้วยคณะ เดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบสิทธิ์ และพบปะรับเรื่องราวร้องทุกข์ จากตัวแทนชาวบ้านคนไทยพลัดถิ่นมุสลิมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์


        โดยมีนายซัวฮิบ เจริญสุข อายุ 31 ปี เป็นชาวตำบลร่อนทอง อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบฯ เป็นผู้นำกลุ่มการต่อสู้เรียกร้องสิทธิ์ นำชาวบ้านคนไทยพลัดถิ่นมุสลิมกว่า 50 คน เข้าพบกรรมการสิทธิ์
นางเตือนใจ ดีเทศน์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประธานอนุกรรมการด้านสถานะบุคคลสิทธิกลุ่มชาติพันธุ์ และชนเผ่าพื้นเมือง เปิดเผยว่า จากปัญหาของคนไทยพลัดถิ่นซึ่งนับถือศาสนาอิสลามที่ก่อนหน้านี้เคยได้มีการรวมกลุ่มเดินเท้าจากประจวบเข้าสู่กรุงเทพฯเพื่อยื่นหนังสือเรียกร้องสิทธิ์ที่ตนเองพึงจะได้รับเมื่อวันที่ 13 ม.ค.54 ที่ผ่านมา

     



   เนื่องจากบรรพบุรุษส่วนใหญ่เคยอยู่ในพื้นที่ดินแดนซึ่งเคยเป็นของไทยในสมัยอังกฤษล่าอาณานิคม และไทยได้เสียดินแดนไปในสมัยนั้น และได้มีการปักปันเขตแดนใหม่ แต่ประชาชนบางส่วนก็ไม่ได้อพยพเข้ามาทางฝั่งไทยยังใช้ชีวิตทำมาหากินในพื้นที่ของตนเองต่อไป และต่อมาได้มีการอพยพเข้ามาอยู่ฝั่งไทยและตกสำรวจ


         โดยต่อมาได้มีการสำรวจอัตลักษณ์ความเป็นคนไทยพลัดถิ่น แต่กลุ่มบุคคลเหล่านี้ประมาณ 250 คนตกสำรวจ และได้มีการพยายามพลักดันขอสิทธิ์ความเป็นคนไทยทุกช่องทาง จนบางส่วน เดินทางผิดไปขึ้นทะเบียนเป็นแรงงานต่างด้าว จึงทำให้ผิดกระบวนการขอสิทธิ์ พระราชบัญญัติสัญชาติ ฉบับที่ 5 พ.ศ.2555 มาตรา 1 และได้มีการขอให้เพิกถอนจากทะเบียนแรงงานต่างด้าวมาเป็นบุคคลผู้ไม่มีสัญชาติ เพื่อจะได้เข้าสู่กระบวนการตรวจสอบสัญชาติความเป็นคนไทยพลัดถิ่น

         อดีตที่ผ่านมาถูกผู้นำท้องถิ่นบางส่วนทุจริต ไม่ลงนามรับรองทำให้ถูกจำหน่ายชื่อและถูกสวมสิทธิ์ไปให้คนอื่น จึงทำให้สูญเสียโอกาสและตกสำรวจเมื่อปี พ.ศ.2552 ต่อมาเมื่อทางการปกครองได้มีการตรวจสอบใหม่ แต่ก็ยังไม่ได้ส่งเรื่องเข้าสู่ส่วนกลาง ยังไม่ได้มีการคืนชื่อ จึงทำให้เกิดความล่าช้าและคนกลุ่มนี้ยังไม่ได้สิทธิ์ เป็นผู้ถูกจำหน่ายชื่อเป็นบุคคลผู้ไม่มีสัญชาตินาน 5 ปี วันนี้คณะกรรมการสิทธิจึงได้ลงพื้นที่มารับเรื่องราวปัญหาจากตัวแทนชาวบ้านด้วยตัวเอง เพื่อหลังจากนี้จะได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและตัวผู้ร้อง ส่งเรื่องรายงานถึงกระทรวงมหาดไทย ซึ่งถ้าเป็นเรื่องด่วนมากๆจะใช้เวลา 30 วัน แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาในการตรวจสอบก็ประมาณ 60 วันจึงรู้ผล

     ขอขอบคุณข่าว     ณัฐธภพ พันสาย    จ.ประจวบคีรีขันธ์  

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น