นิพนธ์ ชี้ ท้องถิ่น คือหน่วยงานหลัก
ช่วยลดสถิติอุบัติเหตุฯเร่งสร้างความร่วมมือบูรณาการร่วมทุกภาคส่วน
ปลูกจิตสำนึกวินัยจราจร ตั้งเป้าลดความสูญเสียทางถนนอย่างเป็นรูปธรรม\(ชมคลิป)
วันที่ 11 ตุลาคม 2564 นายอับดุลนัสเซอร์ หะมิ พัฒนาการอำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส เปิดเผยว่า นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์/รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมมอบนโยบาย โครงการความปลอดภันทางถนน "สงขลาเมืองต้นแบบ" พัฒนากลไกจัดการความปลอดภัยทางถนน จากจังหวัดสู่อำเภอ และตำบล
โดยมี นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา
นายไพเจน มากสุวรรณ์ นายก อบจ.สงขลา นายนิพัฒน์ อุดมอักษร เลขานุการนายก อบจ.สงขลา
นายอำเภอทั้ง 16 อำเภอ หน.สนง.ปภ.สงขลา ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ท้องถิ่นจังหวัด ภาคีเครือข่าย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมฯ ณ
อาคารศรีเกียรติพัฒน์ องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา
โดยที่จ้งหวัดสงขลา เป็นจังหวัดใหญ่ของภาคใต้และมีศักยภาพในด้านต่างๆอย่างสูง แต่ส่วนหนึ่งของปัญหาที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุทางถนน ยังเป็นอุปสรรคส่วนหนึ่งจากสถิติการเกิดอุบัติเหตุค่อนข้างสูงและได้รับผลกระทบความสูญเสียมากขึ้นในด้านชีวิต ทรัพย์สิน และเศรษฐกิจ ตลอดจนความมั่นคง ทางถนนให้เป็นรูปธรรมโดยความมุ่งหวังที่จะสร้างเมืองสงขลาเป็นต้นแบบของการบูรณาการดำเนินการในการลดอุบัติเหตทางถนน ให้เชื่อมโยงกับทุกภาคส่วน และให้มีการขับเคลื่อนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างเต็มศักยภาพและเกิดผลสัมฤทธิ์ที่จะสร้างแบบอย่างให้กับพื้นที่อื่นๆในประเทศไทย นำไปเป็นต้นแบบในการขับเคลื่อนการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนต่อไป
นายนิพนธ์ รมช.มท. กล่าวว่า
วันนี้อุบัติเหตุทางถนนเป็นปัญหาที่สำคัญที่ก่อให้เกิดความสูญเสียทั้งชีวิต
และทรัพย์สินของประชาชน ตลอดจนความสูญเสียทางเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ
และทรัพย์สินของประชาชนเป็นอย่างมาก
ผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนทั่วโลกยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
องค์การสหประชาชาติจึงกำหนดให้เป้าหมายด้านความปลอดภัยทางถนน
เป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) ภายในปีพ.ศ.
2573 โดยตั้งเป้า
หมายที่จะลดจำนวนผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางถนน
ลงร้อยละ 50 ภายในปี พ.ศ. 2573 ดังนั้น การรณรงค์เรื่องความปลอดภัยทางถนน
จึงเป็นวาระมีความสำคัญระดับโลก รายงานสถานการณ์โลกด้านความปลอดภัยทางถนนขององค์การอนามัยโลก
ประมาณการอัตราผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนต่อแสนประชากรในประเทศไทยปี พ.ศ.
2559 ยังอยู่ในระดับสูงถึง 32.70 มากกว่า
22,000 คนต่อปี
แม้ว่าจะมีการดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่องปัญหาอุบัติเหตุ
จากการใช้รถใช้ถนน ของประเทศไทย ก็ยังเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตลำดับต้นๆ
ของประเทศ
จากสถิติที่ผ่านมาอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่มาจากพฤติกรรมของผู้ขับขี่ยานพาหนะ ความไม่เข้มงวดในการบังคับใช้กฏหมาย
และปัญหาทางกายภาพของโครงสร้างพื้นฐานของถนน
ปัญหาการเสียชีวิตที่เกิดจากรถจักรยานยนต์ก็ยังเป็นโจทย์ที่สำคัญยิ่งสำหรับประเทศไทย"
รมช.มท.กล่าวต่ออีกว่า สำหรับปี พ.ศ. 2564 รัฐบาล โดย
ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนได้กำหนดประเด็นเร่งด่วน
เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานในระดับพื้นที่
โดยใช้กลไกศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจังหวัด ศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยทางถนนอำเภอ
และศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
เพื่อบูรณาการการขับเคลื่อนการดำเนินงาน
และให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นเจ้าภาพหลักในการลดปัจจัยเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุทางถนนในพื้นที่
เพื่อลดความสูญเสียและผลกระทบที่เกิดจากอุบัติเหตุทางถนนได้อย่างแท้จริง
โดยเป้าหมายหลักคือ ให้ท้องถิ่นมีส่วนร่วมในเรื่องของการดูแลความปลอดภัยบนท้องถนน
โดยใช้ ,Songkhla Model หรือสงขลาต้นแบบ
ในการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นประสานความร่วมมือกัน
โดยเริ่มตั้งแต่การสร้างจิตสำนึกที่ดี การสร้างระเบียบวินัยในการขับขี่ให้กับประชาชนในท้องถิ่น
เช่นเมาไม่ขับ ไม่ขับรถเร็ว หรือการสวมหมวกกันน็อคก่อนขับรถบนท้องถนน
รวมถึงให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสำรวจเส้นทางจุดเสี่ยงทั้งหลาย
ที่ท้องถิ่นรับผิดชอบ ซึ่งในประเทศไทยเรามีถนนทั่วประเทศ 700,000
กิโลเมตร เป็นของกรมทางหลวง 50,000 กิโลเมตร เป็นของทางหลวงชนบท 47000
กม. อีก 600,000
กว่ากิโลเมตรอยู่ในความรับผิดชอบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ดังนั้นการที่จะให้ท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมจึงเป็นสิ่งจำเป็น
วันนี้ตำบลต้องขับขี่ปลอดภัย ถ้าสามารถทําให้ทุกตำบลในประเทศไทยปลอดภัย ประชาชนก็สามารถขับขี่ปลอดภัยได้
อย่างน้อยให้การเกิดอุบัติเหตุจากการสูญเสียลดลง
สำหรับการประชุมในวันนี้เป็นการสร้างการรับรู้ ความตระหนัก
ด้านความความปลอดภัยทางถนนของในระดับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
รวมทั้งติดตามและรับทราบปัญหาอุปสรรคในการดำเนินงานโครงการเสริมสร้างประสิทธิภาพการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในระดับพื้นที่
พร้อมทั้งแลกเปลี่ยน เรียนรู้ ประสบการณ์ ปัจจัยสู่ความสำเร็จและข้อเสนอแนะต่างๆ
ในการแก้ไขปัญหาให้สอดคล้องกับสถานการณ์ และสภาพของพื้นที่
และขอให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับอำเภอ
และท้องถิ่น ร่วมดำเนินการโดยผ่านช่องทางระบบการทำงานต่าง ๆ เช่น
คณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ (พชอ.)
ซึ่งจะสามารถประเมินผลการดำเนินงานได้อย่างเป็นรูปธรรมและวัดผลได้
จะทำให้เกิดกลไกเชื่อมโยงกับศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยทางถนนท้องถิ่น (ศปถ.อปท.)
มีเป้าหมายร่วมกันเพื่อสร้างตำบลขับขี่ปลอดภัย"
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น